Search Results
พบ 61 ผลลัพธ์เมื่อไม่ระบุค่าการค้นหา
- Genderless Bag: กระเป๋าไร้เพศ ดีไซน์เรียบง่ายแต่ดูแพง ทำไมถึงเป็นเทรนด์แฟชั่นที่ทุกคนต้องมี?
Genderless Bag แฟชั่นกำลังก้าวข้ามทุกข้อจำกัด และไม่มีอะไรจะสะท้อนความเปลี่ยนแปลงนี้ได้ดีเท่ากับเทรนด์ Genderless Bag หรือ กระเป๋าไร้เพศ อีกแล้ว กระเป๋าเหล่านี้ไม่ใช่แค่ไอเทมที่ใช้ได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิงเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของ สไตล์ที่อยู่เหนือกาลเวลา และ ความคุ้มค่าในการลงทุน ที่สายแฟชั่นยุคใหม่กำลังมองหา BBag จะพาคุณมาเจาะลึกว่าทำไมดีไซน์ที่ เรียบง่ายแต่ดูแพง ถึงกลายเป็นเทรนด์ และชี้เป้า กระเป๋ามินิมอล จากร้านของเราที่คุณไม่ควรพลาด! 1. 🔑 ถอดรหัส: ทำไม Genderless Bag ถึง "ดูแพง" และเป็นเทรนด์? ดีไซน์ไร้เพศมักถูกยกให้เป็น Investment Piece เพราะองค์ประกอบสำคัญของมันคือความคลาสสิก: เน้นฟังก์ชันเหนือแฟชั่น (Functionality First): กระเป๋า Genderless ส่วนใหญ่ถูกออกแบบมาให้ ใช้งานได้จริง มีพื้นที่จุของที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่ต้องพกแล็ปท็อป แท็บเล็ต หรือของใช้ส่วนตัวที่มากขึ้นในแต่ละวัน ทำให้ไม่ว่าเพศไหนถือก็ดูคล่องตัว วัสดุและโครงสร้างคือหัวใจ: ความหรูหราของ กระเป๋ามินิมอล ดูแพง ไม่ได้อยู่ที่โลโก้หรืออะไหล่ แต่คือ คุณภาพของวัสดุ และ รูปทรงที่คมชัด การใช้หนังเรียบ, ผ้าแคนวาสหนา, หรือวัสดุเกรดพรีเมียมในโทนสีกลาง ทำให้กระเป๋าดูสง่างาม ไม่ว่าจะถือกับชุดสูทหรือลุคสตรีท โทนสีคลาสสิก (Neutral Palette): สีหลักของ แฟชั่นไร้เพศ คือ ดำ, เทา, น้ำตาล, กรมท่า, และเบจ ซึ่งเป็นสีที่ แมตช์ได้กับทุกชุด ทุกโอกาส ทำให้คุณประหยัดเวลาในการเลือกกระเป๋าให้เข้ากับลุค 💡 BBag Insight: ลองสังเกต กระเป๋า Unisex จะเน้นช่องเก็บของที่ใช้งานง่ายและซิปที่แข็งแรงทนทาน 2. 🖤 ชี้เป้า! 3 รุ่น Genderless Bag จาก bbag ที่ต้องมีติดตู้ ที่ bbag เราคัดสรร กระเป๋าไร้เพศ ที่เน้นความเรียบหรูและตอบโจทย์การใช้งานได้จริง ลองมาดูกระเป๋า 3 แบบ ที่กำลังมาแรงและเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการลงทุน: The Classic Shell Luggage (กระเป๋าล้อลาก Cabin/Check-in) ดีไซน์: กระเป๋าล้อลาก ทรงกล่อง/สี่เหลี่ยมผืนผ้า ที่เน้นพื้นผิวเรียบด้าน (Matte Finish) หรือมีเส้นสายเป็นแนวตั้ง/แนวนอนที่คมชัด Genderless Point: สีโมโนโครม (Monochrome เช่น ดำด้าน หรือ Cool Grey) และไม่มีโลโก้ฉูดฉาด เน้นระบบล็อค TSA Lock และ ล้อคู่ที่เงียบและลื่น ซึ่งเป็นฟังก์ชันที่สำคัญกว่าแฟชั่นฉาบฉวย รุ่นที่แนะนำ Caggioni SEASONS : กระเป๋าที่ออกแบบมาเพื่อก้าวผ่านทุกฤดูกาลการเดินทางของคุณ NinetyGo Modern : การเคลื่อนไหวที่นุ่มนวลและเงียบกริบ เน้นความปลอดภัยสูงสุด Echolac Super Trunk : คลาสสิก ดูหรูหราแบบ Timeless และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว The Signature Weekender Duffel (กระเป๋าถือ/สะพายสำหรับทริปสั้น) ดีไซน์: กระเป๋า Duffel (ทรงกระบอก/ถุงทรงยาว) ที่ทำจากวัสดุผ้าเคลือบกันน้ำ/แคนวาสหนา ที่ดูมีราคา Genderless Point: ทรงนี้เป็นทรง Unisex ที่สุด เน้นขนาดที่พอดีสำหรับ Carry-on หรือเป็น กระเป๋าเสริมเดินทาง สำหรับทริป 2-3 วัน มีสายสะพายไหล่ที่นุ่มและแข็งแรง พร้อมช่องใส่รองเท้า/ช่องเปียกด้านข้าง รุ่นที่แนะนำ Caterpillar Utility X Duffle : กระเป๋า 2-in-1 ที่เกิดมาเพื่อ 'ความอเนกประสงค์สูงสุด' Caterpillar Antarctic Duffel M : กระเป๋าเดินขนาดกลางที่สร้างมาเพื่อ 'การใช้งานที่หนักหน่วง' The Utility Backpack (กระเป๋าเป้สะพายหลัง) ดีไซน์: กระเป๋าเป้ ที่มีดีไซน์เป็นทรงกล่อง หรือทรงเหลี่ยมที่เน้นความเรียบง่าย ไม่มีช่องเล็กช่องน้อยด้านนอกมากเกินไป Genderless Point: ฟังก์ชันครบครันสำหรับใส่ Laptop และอุปกรณ์ Gadget ต่าง ๆ มีสายรัดอก/รัดเอว เพื่อความกระชับ คล่องตัว วัสดุกันน้ำ เป็นคุณสมบัติสำคัญที่ทำให้กระเป๋านี้เหมาะกับทุกเพศและทุกสภาพอากาศ รุ่นที่แนะนำ Echolac Purist : กระเป๋าเป้สะพายหลังที่ผสมผสาน 'ความเรียบง่าย (Purist)' และ 'ความทันสมัยหรูหรา' เข้าด้วยกันอย่างลงตัว NinetyGo Detachable 3-in-1 : สำหรับผู้ใช้งานในเมืองและนักเดินทางที่ต้องการความยืดหยุ่นสูงสุด ด้วยคอนเซ็ปต์ '3-in-1' 3. ✅ อิสระในการเดินทาง เริ่มต้นที่ bbag การเลือก กระเป๋าเดินทาง Genderless คือการตัดสินใจที่ชาญฉลาด เพราะเป็นการลงทุนใน คุณภาพ และ สไตล์ที่ยั่งยืน ไม่ว่าคุณจะเดินทางแบบไหน ไปกับใคร หรือสไตล์การแต่งตัวแบบใด กระเป๋าเหล่านี้ก็จะทำให้ทริปของคุณดูลงตัวเสมอ 🛒 ช้อปเลย! ค้นหา กระเป๋าเดินทางมินิมอล ที่แข็งแรงและดูดีที่สุดได้ที่หมวดหมู่ต่างในร้าน bbag.co.th bbag - สไตล์ที่เรียบง่าย แต่การเดินทางไม่เคยเรียบง่าย!
- NINETYGO : เราเชื่อว่าการเดินทางที่ดี เริ่มต้นที่กระเป๋าที่ใช่
เราเชื่อว่าการเดินทางที่ดี เริ่มต้นที่กระเป๋าที่ใช่ NINETYGO (ไนน์ตี้โก) คือ แบรนด์ผลิตภัณฑ์สำหรับการเดินทางและไลฟ์สไตล์ ที่เข้าใจความต้องการของผู้ที่ใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบและรักอิสระ เราไม่ได้ทำเพียงแค่ กระเป๋าเดินทาง แต่เราสร้างสรรค์ "โซลูชันการพกพา" ที่ผสานสุนทรียภาพด้านดีไซน์เข้ากับฟังก์ชันที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี (Somatic Technology) เพื่อมอบความคล่องตัวและความสบายสูงสุดในทุกช่วงชีวิต ทำไม NINETYGO จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคุณ? 1. DNA แห่งนวัตกรรมที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน NINETYGO ก่อตั้งขึ้นจากรากฐานของโรงงานผู้ผลิตชั้นนำที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของแบรนด์ กระเป๋าเดินทาง ระดับโลกมานานหลายปี ทำให้เราเข้าใจทุกรายละเอียดของการผลิต ตั้งแต่โครงสร้าง วัสดุ ไปจนถึงกลไกการใช้งาน เราใช้ความเชี่ยวชาญทั้งหมดนี้มาสร้างแบรนด์ของเราเอง โดยมีเป้าหมายคือการมอบ กระเป๋าเดินทางคุณภาพสูง ในราคาที่สมเหตุสมผล 2. ฟังก์ชันที่ทำให้ชีวิตง่ายขึ้นอย่างแท้จริง เราใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ผู้เดินทางต้องเจอในชีวิตจริง ทำให้ กระเป๋าเดินทาง NINETYGO โดดเด่นด้วยคุณสมบัติเฉพาะตัว : ล้อลากที่คิดค้นมาเป็นพิเศษ : ไม่ว่าจะเป็นล้อ Silent Spinner ที่ลากได้อย่างเงียบสนิท หรือวัสดุล้อที่ออกแบบมาเพื่อลดแรงสั่นสะเทือน เราทำให้การเคลื่อนย้ายสัมภาระของคุณด้วยกระเป๋าเดินทาง เป็นเรื่องง่าย การจัดการพื้นที่แบบ 4:6 หรือ 5:5 : รูปแบบการเปิดกระเป๋าเดินทาง ที่ปรับให้เข้ากับการจัดเก็บสัมภาระขนาดใหญ่และเล็กอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้คุณจัดของได้มากขึ้น โซลูชันการพกพาที่ตอบโจทย์ : เพิ่มความสะดวกสบายสูงสุดด้วย ตะขอแขวนสัมภาระด้านหน้า สำหรับแขวนกระเป๋าถือ/ถุงช้อปปิ้ง และ ช่องเสียบร่ม/แก้วน้ำ ที่ออกแบบมาให้หยิบใช้ได้ทันที ตะขอแขวนสัมภาระด้านหน้า คุณสมบัติเสริมเพื่อสุขภาพ : การใช้วัสดุซับในที่ช่วยลดแบคทีเรีย และมีช่องแยกสำหรับของเปียก/ของใช้ส่วนตัว เพื่อสุขอนามัยที่ดีตลอดทริป wet/dry design 3. การรับประกันและบริการหลังการขายที่มั่นใจได้ ร้าน bbag.co.th ในฐานะพันธมิตรอย่างเป็นทางการของ NINETYGO เราพร้อมดูแลผลิตภัณฑ์ของคุณตลอดอายุการใช้งาน ด้วย การรับประกันสินค้า และทีมผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้คำปรึกษา เพื่อให้คุณเดินทางได้อย่างไร้กังวลเมื่อเลือกใช้ กระเป๋าเดินทาง NINETYGO Brighten up your Journey. เลือก NINETYGO เพื่อให้ทุกก้าวคือความมั่นใจและมีสไตล์ เลือกชมคอลเลกชัน กระเป๋าเดินทาง และ กระเป๋าไลฟ์สไตล์ NINETYGO ทั้งหมดของเราได้เลย! Coffee Journey by NinetyGo
- ลูกกุญแจ TSA หาซื้อได้ที่ไหน? ทำไมคุณไม่ควรซื้อมาเป็นเจ้าของ
ลูกกุญแจ TSA หาซื้อได้ที่ไหน หลายครั้งที่นักเดินทางมือใหม่อาจสงสัยว่า "ถ้า กระเป๋าเดินทาง ไม่มี กุญแจ TSA เราควรซื้อลูกกุญแจมาไขเองไหม?" หรือ "จะหาซื้อได้ที่ไหน?" คำตอบคือ "คุณไม่สามารถหาซื้อได้ และไม่ควรซื้อมาเป็นเจ้าของ" บทความนี้จาก bbag.co.th จะมาไขข้อสงสัยและอธิบายเหตุผลว่าทำไมลูกกุญแจ TSA จึงไม่เหมือนลูกกุญแจทั่วไปที่คุณหาซื้อได้ตามท้องตลาด กุญแจ TSA มีไว้สำหรับใคร? TSA (Transportation Security Administration) คือหน่วยงานด้านความปลอดภัยการขนส่งของสหรัฐอเมริกา ที่ได้พัฒนาระบบล็อกมาตรฐานขึ้นเพื่อใช้ในการตรวจสอบสัมภาระของผู้โดยสาร โดยที่เจ้าหน้าที่สามารถเปิดกระเป๋าได้โดยไม่ต้องงัดแงะหรือทำลายล็อกให้เสียหาย ลูกกุญแจที่ใช้สำหรับเปิด TSA Lock นี้จึงถูกเรียกว่า Master Key ซึ่งผลิตขึ้นมาเฉพาะและมอบให้แก่เจ้าหน้าที่ TSA และเจ้าหน้าที่ศุลกากรในประเทศที่เข้าร่วมระบบเท่านั้น ดังนั้น Master Key จึงเป็นทรัพย์สินของหน่วยงานรัฐ ไม่ใช่สินค้าสำหรับขายในท้องตลาดทั่วไป ทำไมคุณจึงไม่ควรเป็นเจ้าของลูกกุญแจ TSA? TSA Lock เพื่อป้องกันการนำไปใช้ในทางที่ผิด : หากบุคคลทั่วไปสามารถเป็นเจ้าของลูกกุญแจหลักนี้ได้ จะเป็นการเปิดช่องโหว่ด้านความปลอดภัยร้ายแรง เพราะผู้ไม่ประสงค์ดีอาจใช้กุญแจนี้เพื่อเปิด กระเป๋าเดินทาง ของผู้อื่นเพื่อขโมยทรัพย์สิน หรือใช้ในวัตถุประสงค์ที่ผิดกฎหมายได้ คุณไม่มีความจำเป็นต้องใช้ : สำหรับผู้ใช้งานอย่างเรา ๆ ไม่ต้องกังวลเลยว่าไม่มีลูกกุญแจ เพราะระบบล็อกแบบ TSA Lock ส่วนใหญ่จะใช้งานด้วยการ ตั้งรหัสผ่าน เป็นหลัก ช่องสำหรับลูกกุญแจที่ติดอยู่กับตัวล็อกนั้นมีไว้สำหรับเจ้าหน้าที่เท่านั้น ผู้เดินทางอย่างเราจึงไม่จำเป็นต้องใช้ลูกกุญแจแต่อย่างใด ช่องโหว่ด้านความปลอดภัยที่เคยเกิดขึ้น : ในอดีตเคยมีเหตุการณ์ที่พิมพ์เขียว (Blueprint) ของ Master Key บางรุ่นได้หลุดออกสู่สาธารณะ ทำให้มีการผลิตกุญแจปลอมขึ้นมาได้ ซึ่งยิ่งเป็นการตอกย้ำว่าการที่กุญแจหลักตกไปอยู่ในมือของบุคคลที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่นั้นเป็นเรื่องอันตรายอย่างยิ่ง แล้วถ้ากระเป๋าไม่มี TSA Lock ควรทำอย่างไร? แทนที่จะพยายามหาซื้อลูกกุญแจ TSA ที่ไม่มีขายจริง คุณสามารถเลือกใช้วิธีอื่นแทนเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับสัมภาระของคุณได้ : ใช้กุญแจล็อกแบบคล้อง (Padlock): สามารถซื้อ กุญแจคล้อง ทั่วไปที่มีระบบ TSA Lock มาคล้องกับซิปกระเป๋าได้ แม้จะไม่ได้ล็อกที่ตัวล็อกกระเป๋าโดยตรง แต่ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยป้องกันการถูกเปิดจากคนทั่วไป ใช้สายรัดกระเป๋า: ใช้ สายรัดกระเป๋าเดินทาง เพื่อรัดกระเป๋าอีกชั้น จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงและป้องกันซิปกระเป๋าแตกในระหว่างการขนส่งได้ สรุปคือ ลูกกุญแจ TSA ไม่ได้มีไว้สำหรับผู้ใช้งานทั่วไป และการพยายามหาซื้อมาใช้เองนอกจากจะไม่มีประโยชน์แล้ว ยังเป็นการเพิ่มความเสี่ยงด้านความปลอดภัยอีกด้วย ทางเลือกที่ดีที่สุดคือการเลือกใช้ กระเป๋าเดินทาง ที่มีระบบ TSA Lock ติดตั้งมาพร้อมตัวกระเป๋าตั้งแต่แรก หรือใช้กุญแจคล้องมาตรฐานแทนเพื่อความอุ่นใจในการเดินทาง หากคุณกำลังมองหา กระเป๋าเดินทาง ที่มีคุณภาพ พร้อมระบบล็อกที่ได้มาตรฐาน ขอแนะนำให้เข้ามาดูสินค้าของเราได้ที่ bbag.co.th เรามีกระเป๋าหลากหลายรุ่นที่ตอบโจทย์ทุกการเดินทางของคุณ
- DIY ซ่อมกระเป๋าเดินทาง : ปัญหาเล็กน้อยที่แก้ได้ด้วยตัวเอง
DIY ซ่อมกระเป๋าเดินทางด้วยตัวเอง การเดินทางแต่ละครั้งก็อาจมาพร้อมกับปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ของกระเป๋าเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นรอยขีดข่วน, ล้อติด, หรือซิปแตก ที่บางครั้งก็ไม่ต้องส่งซ่อมให้ยุ่งยาก คุณก็สามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ด้วยตัวเอง เพื่อยืดอายุการใช้งานกระเป๋าคู่ใจให้พร้อมสำหรับทุกทริป! บทความนี้จะแนะนำ วิธีซ่อมกระเป๋าเดินทางด้วยตัวเอง ที่ใครๆ ก็ทำตามได้ง่ายๆ 1. ซ่อมล้อกระเป๋าเดินทางที่ฝืดหรือติดขัด ปัญหา: ล้อกระเป๋าเดินทาง ฝืด, มีเสียงดัง หรือหมุนไม่คล่องตัว หยอดน้ำมัน วิธีแก้ไข: ทำความสะอาด : ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่ติดอยู่บริเวณซอกล้อ เช่น ฝุ่น เส้นผม หรือทราย จากนั้นใช้คอตตอนบัดทำความสะอาดตามซอกเล็กๆ หยอดน้ำมันหล่อลื่น : หากทำความสะอาดแล้วล้อยังฝืดอยู่ ให้ลองใช้น้ำมันหล่อลื่นสำหรับงานซ่อมแซม (เช่น น้ำมันจักร หรือน้ำมันอเนกประสงค์) หยอดลงไปเล็กน้อยตรงจุดหมุนของล้อ แล้วหมุนล้อไปมาเพื่อให้น้ำมันกระจายตัว 2. แก้ปัญหารอยขีดข่วนบนกระเป๋าเดินทาง ปัญหา: กระเป๋ามีรอยขีดข่วนหรือคราบสกปรก ชุบน้ำยาทำความสะอาด วิธีแก้ไข: สำหรับกระเป๋าผิวแข็ง (Hard Case): ใช้ยางลบดินสอค่อยๆ ลบไปตามแนวรอยขีดข่วน หรือใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์ชุบน้ำยาทำความสะอาดอเนกประสงค์เช็ดทำความสะอาด แต่ต้องระวังไม่ให้ใช้สารเคมีที่รุนแรงเกินไป สำหรับกระเป๋าผ้า (Soft Case): ใช้แปรงขนอ่อนปัดคราบฝุ่นออกก่อน จากนั้นใช้ผ้าชุบน้ำสบู่อ่อนๆ เช็ดเบาๆ หากเป็นคราบฝังแน่น อาจใช้สเปรย์ทำความสะอาดเฉพาะจุดสำหรับผ้า 3. ซ่อมซิปที่เปิด-ปิดไม่อยู่ ปัญหา: ซิปกระเป๋าเดินทาง เปิดอ้า, รูดไม่สนิท หรือรูดได้ไม่สุด วิธีแก้ไข: ตรวจสอบหัวซิป: บางครั้งปัญหาก็เกิดจากหัวซิปที่หลวมหรือเบี้ยวเล็กน้อย ลองใช้คีมบีบหัวซิปเบาๆ ให้แน่นขึ้นเล็กน้อย แต่ต้องระวังอย่าบีบแรงเกินไปจนซิปเสียหาย ใช้สารหล่อลื่น: ใช้ดินสอไม้ถูไปตามแนวซิปหลายๆ ครั้ง หรือใช้ขี้ผึ้งหรือเทียนไขถูเบาๆ เพื่อลดแรงเสียดทาน แล้วลองรูดซิปไปมาอีกครั้ง 4. ซ่อมมือจับกระเป๋าที่โยกหรือหลวม ปัญหา: มือจับกระเป๋า (คันชัก) โยกคลอนหรือหลวม วิธีแก้ไข: ตรวจสอบน็อตและสกรู: ส่วนใหญ่มือจับจะยึดด้วยน็อตหรือสกรูที่อาจหลวมจากการใช้งาน ลองใช้ไขควงขันสกรูให้แน่นขึ้น หากสกรูหายหรือชำรุด สามารถหาซื้อสกรูขนาดใกล้เคียงมาเปลี่ยนได้ การ ดูแลรักษากระเป๋าเดินทาง อย่างสม่ำเสมอจะช่วยยืดอายุการใช้งานได้อีกนาน และถ้าเกิดปัญหาเล็กน้อยก็ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป เพราะคุณสามารถแก้ไขเองได้ง่ายๆ ด้วย อุปกรณ์ซ่อมกระเป๋า ไม่กี่อย่าง Bbag.co.th มุ่งมั่นที่จะเป็นเพื่อนร่วมเดินทางที่ดีที่สุดของคุณ ทั้งในด้านคุณภาพของ กระเป๋าเดินทาง และคำแนะนำดีๆ ที่ช่วยให้การเดินทางของคุณราบรื่นไม่มีสะดุด
- ECHOLAC ฉลอง 60 ปีแห่งการเดินทางสุดพิเศษ พร้อมก้าวไปให้ไกลกว่าตามแนวคิด FOR BEYOND
เมื่อเร็วๆ นี้ แบรนด์กระเป๋าเดินทางระดับพรีเมียม ECHOLAC ได้จัดงานฉลองครบรอบ 60 ปีอย่างยิ่งใหญ่ในเซี่ยงไฮ้ ภายใต้ธีม "FOR BEYOND" เพื่อยกย่องประวัติศาสตร์อันยาวนานของแบรนด์ พร้อมกับประกาศก้าวสู่ยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยนวัตกรรมและวิสัยทัศน์ที่ก้าวไกล เส้นทาง 6 ทศวรรษแห่งความเป็นเลิศ นับตั้งแต่ปี 1965 ที่ ECHOLAC เป็นผู้บุกเบิกผลิตกระเป๋าเอกสารจากวัสดุ ABS เป็นรายแรกของโลก แบรนด์ได้สร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ทั้งการใช้เส้นใยธรรมชาติ และการผสมผสานวัสดุใหม่ๆ จนกลายเป็นผู้นำในตลาดระดับพรีเมียมของยุโรปและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปัจจุบัน ECHOLAC มีโรงงานผลิตขนาด 30,000 ตารางเมตร และมีสาขามากกว่า 3,000 แห่งในกว่า 50 ประเทศทั่วโลก นอกจากนี้ การออกแบบของ ECHOLAC ยังโดดเด่นด้วยการผสมผสานทีมดีไซน์จากอิตาลีและจีนเข้าด้วยกัน ภายใต้แนวคิด "Eastern soul and Western charm" หรือ "จิตวิญญาณตะวันออกเสน่ห์ตะวันตก" ซึ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ผสมผสานความสง่างามเหนือกาลเวลาเข้ากับคุณภาพที่พิถีพิถัน งานเฉลิมฉลองที่สะท้อน "การเดินทางข้ามเวลา" งานฉลองครบรอบ 60 ปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด "BEYOND TIME" โดยนำเสนอประสบการณ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจผ่านโซนต่างๆ : ECHOLAC STUDIO: โซนที่ผสมผสานงานฝีมือแบบตะวันออกเข้ากับความต้องการเดินทางที่ทันสมัย ECHOLAC HOME: นำเสนอกระเป๋าเดินทางซีรีส์ Dynasty ในรูปแบบที่สร้างสรรค์ เช่น โซฟาและโทรทัศน์ เพื่อสื่อถึงแนวคิด "beyond imagination" ECHOLAC LAB: โซนแห่งนวัตกรรมที่จัดแสดงดีไซน์แห่งอนาคตและเทคโนโลยีล้ำสมัย ภายในงาน มีการแสดงแฟชั่นโชว์ที่เปิดตัวกระเป๋ารุ่นไฮไลต์ถึง 3 รุ่น ได้แก่ One-X ที่สามารถขยายขนาดได้, SHOGUN EVO สำหรับนักธุรกิจที่ต้องการความทนทาน และ DYNASTY VLX ที่สะท้อนความหรูหราด้วยหนังอิตาลีและลวดลายประณีต SHOGUN EVO วิสัยทัศน์ใหม่เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน นาย Zheng Xuefeng ซีอีโอของ ECHOLAC ได้ประกาศแผนการยกระดับแบรนด์ครั้งใหญ่ โดยมุ่งเน้นที่นวัตกรรมและการขยายธุรกิจภายใต้สโลแกน "FOR BEYOND" ซึ่งประกอบด้วย: นวัตกรรมผลิตภัณฑ์: พัฒนาวัสดุที่เบาและยั่งยืนขึ้น พร้อมทั้งเพิ่มฟีเจอร์อัจฉริยะ เช่น ระบบสแกนลายนิ้วมือ, เทคโนโลยี 5G ป้องกันการสูญหาย, ระบบชั่งน้ำหนักอัจฉริยะ และการชาร์จไร้สาย การเพิ่มกำลังการผลิต: ขยายโรงงานผลิตระยะที่สองเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตเป็นสองเท่า หรือมากกว่า 2 ล้านใบต่อปี การขยายตลาด: เปิดร้านเรือธง 20 สาขาในจีนภายในปี 2025 และขยายตลาดไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และตะวันออกกลาง พร้อมใช้กลยุทธ์การตลาดที่เข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้น การเดินทางของ ECHOLAC ไม่ได้หยุดอยู่แค่การผลิตกระเป๋าเดินทาง แต่เป็นการสร้างสรรค์ "ภาชนะแห่งความฝัน" ที่จะช่วยให้การเดินทางของทุกคนเต็มไปด้วยความมั่นใจและง่ายดาย ดังที่ซีอีโอได้กล่าวไว้ สั่งซื้อกระเป๋าเดินทางแบรนด์ Echolac
- บลูไล้ท์ อุตสาหกรรม: พัฒนาทีมงานสู่ความเป็นเลิศ
บริษัท บลูไล้ท์ อุตสาหกรรม จำกัด : ยกระดับบริการและองค์ความรู้ สู่การเป็นผู้นำตัวแทนจำหน่ายแบรนด์ระดับโลกในประเทศไทย บริษัท บลูไล้ท์ อุตสาหกรรม จำกัด : ยกระดับบริการและองค์ความรู้ สู่การเป็นผู้นำตัวแทนจำหน่ายแบรนด์ระดับโลกในประเทศไทย บริษัท บลูไล้ท์ อุตสาหกรรม จำกัด ในฐานะผู้ผลิต และตัวแทนจำหน่ายสินค้าคุณภาพจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลกอย่าง Caggioni , Echolac , Giogracia Polo Club , Caterpillar , IT Luggage และ NinetyGo อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ผ่านร้านค้า bbag shop มีความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องในการพัฒนาศักยภาพเพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าทุกท่าน เพิ่มเติมความรู้ และทักษะให้กับ พนักงานขาย ด้วยเล็งเห็นถึงความสำคัญของการบริการที่เป็นเลิศ เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท บลูไล้ท์ อุตสาหกรรม จำกัด ได้จัด สัมมนาเพื่อ เพิ่มเติมความรู้ และทักษะให้กับ พนักงานขาย ทั่วประเทศของเราอย่างเข้มข้น การสัมมนาในครั้งนี้มุ่งเน้นการอัปเดตข้อมูลผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ของทุกแบรนด์ที่เราเป็น ตัวแทนจำหน่าย ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าเดินทางดีไซน์ทันสมัยจาก Caggioni และ IT Luggage เน้นความคุ้มค่าในการใช้งาน กับแบรนด์ Giogracia Polo Club ความหรูหราลักซูรีของ Echolac , ความแข็งแกร่งทนทานในแบบฉบับ Caterpillar และนวัตกรรมอัจฉริยะจาก NinetyGo รวมถึงการเสริมสร้างกลยุทธ์การขายและการยกระดับมาตรฐานการบริการลูกค้าให้เหนือความคาดหมาย ทักษะการบริการที่เป็นมืออาชีพ การลงทุนในการพัฒนาบุคลากรครั้งนี้ ตอกย้ำถึงความตั้งใจของ บริษัท บลูไล้ท์ อุตสาหกรรม จำกัด ที่จะส่งมอบสินค้าคุณภาพและบริการที่เป็นเลิศที่สุดให้กับผู้บริโภคในประเทศไทย เราเชื่อมั่นว่าด้วยความรู้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในผลิตภัณฑ์และทักษะการบริการที่เป็นมืออาชีพ พนักงานขาย ของเราทุกคนพร้อมแล้วที่จะ ต้อนรับลูกค้า ทุกท่านด้วยข้อมูลที่ครบถ้วน คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ และประสบการณ์การเลือกซื้อสินค้าที่น่าประทับใจ มั่นใจได้ว่าทุกการเลือกซื้อสินค้าจากแบรนด์ดังที่เราเป็น ตัวแทนจำหน่าย จะเต็มไปด้วยความพึงพอใจและความคุ้มค่า เพราะเราคือ บริษัท บลูไล้ท์ อุตสาหกรรม จำกัด ผู้นำด้านกระเป๋าเดินทางและสินค้าไลฟ์สไตล์คุณภาพใน ประเทศไทย สร้างกลยุทธ์การขายและการยกระดับมาตรฐานการบริการลูกค้า
- Power Bank คู่ใจ เตรียมบินไปจีน? ต้องมีเครื่องหมาย CCC นะ!
Power bank CC ยุคดิจิทัลที่ใครๆ ก็พึ่งพาสมาร์ทโฟน Power Bank หรือแบตสำรอง จึงกลายเป็นไอเท็มจำเป็นที่ขาดไม่ได้ โดยเฉพาะเมื่อต้องเดินทางไกลไปยังต่างประเทศอย่าง ประเทศจีน ที่มีทุกสิ่งให้คุณได้สำรวจและเชื่อมต่อ! แต่ก่อนจะจัดกระเป๋าเตรียมบิน คุณรู้หรือไม่ว่าการนำ Power Bank ขึ้นเครื่องบินไปจีนนั้นมีข้อกำหนดพิเศษที่หลายคนอาจยังไม่รู้ นั่นคือ "Power Bank ของคุณจะต้องมีเครื่องหมาย CCC (China Compulsory Certification)" ติดอยู่ด้วย! Bbag.co.th จะมาไขข้อสงสัย พร้อมแนะนำการเตรียมตัวให้พร้อม เพื่อการเดินทางที่ราบรื่นไร้กังวล ทำไมต้องมีเครื่องหมาย CCC สำหรับ Power Bank ที่จีน? เครื่องหมาย CCC (China Compulsory Certification) คือเครื่องหมายรับรองคุณภาพและความปลอดภัยภาคบังคับสำหรับสินค้าหลายประเภทที่จำหน่ายหรือนำเข้าสู่ประเทศจีน รวมถึงแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของ Power Bank ด้วย รัฐบาลจีน โดยเฉพาะสำนักงานบริหารการบินพลเรือนแห่งประเทศจีน (CAAC) ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับความปลอดภัยในการบิน การกำหนดให้ Power Bank ต้องมีเครื่องหมาย CCC เป็นการยืนยันว่าผลิตภัณฑ์นั้นๆ ผ่านการทดสอบและได้มาตรฐานความปลอดภัยของจีนแล้ว เพื่อลดความเสี่ยงจากการเกิดความร้อนสูงเกินไป การลัดวงจร หรือการลุกไหม้ที่อาจเกิดขึ้นได้ขณะอยู่บนเครื่องบิน CCC Power Bank Power Bank แบบไหนที่ต้องมีเครื่องหมาย CCC? โดยทั่วไปแล้ว กฎนี้มีผลบังคับใช้กับ เที่ยวบินภายในประเทศจีน (Domestic Flights within China) เป็นหลัก นั่นหมายความว่า หากคุณเดินทางจากเมืองหนึ่งไปยังอีกเมืองหนึ่งในจีน (เช่น จากปักกิ่งไปเซี่ยงไฮ้) Power Bank ของคุณจะต้องมีเครื่องหมาย CCC อย่างชัดเจน มิฉะนั้นอาจถูกเจ้าหน้าที่สนามบินยึดได้ สำหรับ เที่ยวบินระหว่างประเทศ (International Flights) เข้าและออกประเทศจีน โดยปกติแล้ว เจ้าหน้าที่อาจไม่ได้ตรวจสอบเครื่องหมาย CCC อย่างเข้มงวดเท่าเที่ยวบินภายในประเทศ แต่การที่ Power Bank ของคุณมีเครื่องหมาย CCC ติดอยู่ ก็จะเป็นการเพิ่มความมั่นใจและช่วยให้การผ่านขั้นตอนการตรวจสอบเป็นไปอย่างราบรื่นยิ่งขึ้น ข้อแนะนำสำคัญ: เพื่อความปลอดภัยและหลีกเลี่ยงปัญหาที่ไม่คาดฝัน หากคุณวางแผนเดินทางไปประเทศจีน ไม่ว่าจะเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศหรือภายในประเทศ ควรเลือกใช้ Power Bank ที่มีเครื่องหมาย CCC ระบุไว้อย่างชัดเจนเสมอ สังเกตเครื่องหมาย CCC บน Power Bank ได้อย่างไร? เครื่องหมาย CCC มักจะอยู่บนตัว Power Bank โดยตรง หรือบนบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์ โดยมีลักษณะเป็นสัญลักษณ์วงกลมและตัวอักษร "CCC" ดังภาพตัวอย่าง: นอกจากเครื่องหมาย CCC แล้ว Power Bank ที่ได้มาตรฐานควรมีข้อมูลอื่นๆ ระบุอย่างชัดเจน เช่น ความจุ (mAh หรือ Wh), แรงดันไฟฟ้า (V), และชื่อผู้ผลิต ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ก็มีความสำคัญต่อการตรวจสอบความปลอดภัยในการบินเช่นกัน ก่อนเดินทางไปประเทศจีน ไม่ว่าจะเป็นเที่ยวบินภายในหรือระหว่างประเทศ เพื่อความสบายใจและหลีกเลี่ยงปัญหาที่สนามบิน อย่าลืมตรวจสอบ Power Bank ของคุณว่า: มีเครื่องหมาย CCC ชัดเจนหรือไม่? (สำคัญมากสำหรับเที่ยวบินภายในจีน และเป็นข้อแนะนำสำหรับเที่ยวบินระหว่างประเทศ) มีความจุไม่เกินที่กำหนด (สูงสุด 32,000 mAh)? อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ไม่ชำรุด? และที่สำคัญที่สุดคือ "ต้องพกติดตัวขึ้นเครื่องเท่านั้น และห้ามใช้งานหรือชาร์จบนเครื่องบินเด็ดขาด!" การเตรียมตัวที่ดีจะช่วยให้คุณมีทริปที่ราบรื่นและปลอดภัย เตรียม Power Bank ที่มีมาตรฐานไปพร้อมเที่ยวจีนกันนะคะ!
- กระเป๋าเดินทางหาย ไม่ต้องกังวล! bbag.co.th แนะวิธีตามหาและเคลมอย่างมืออาชีพ
กระเป๋าเดินทางหาย การเดินทางคือความสุข แต่การที่ กระเป๋าเดินทางหาย หรือ กระเป๋าเดินทางดีเลย์ อาจทำให้ทริปของคุณสะดุดได้ ไม่ว่าจะเป็น กระเป๋าเดินทาง Caggioni, Echolac, NinetyGO หรือแบรนด์ที่คุณรักจาก bbag.co.th หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น บทความนี้คือ คู่มือตามหากระเป๋าเดินทางหาย ที่ครบครัน พร้อมวิธี เคลมกระเป๋าเดินทาง และ เคลมประกันการเดินทาง ให้คุณมั่นใจและกลับมาสนุกกับการเดินทางอีกครั้ง รับมือกับสถานการณ์ “กระเป๋าเดินทางหาย” หลังเครื่องลงจอด เมื่อเที่ยวบินของคุณลงจอดที่สนามบินปลายทาง แต่กลับไม่พบกระเป๋าเดินทาง บนสายพานสัมภาระ อย่าเพิ่งตกใจ! นี่คือสิ่งที่ต้องทำทันที : สำรวจให้ทั่วบริเวณสายพานสัมภาระ: บางครั้งกระเป๋าอาจไปอยู่ผิดสายพาน หรือถูกวางแยกออกไป รีบตรงไปที่เคาน์เตอร์บริการสัมภาระ (Baggage Service) หรือ Lost & Found (เคาน์เตอร์เหล่านี้มักอยู่ใกล้กับจุดรับกระเป๋าของแต่ละสายการบิน) เตรียมเอกสารสำคัญให้พร้อม : ตั๋วเครื่องบิน หรือ บอร์ดดิ้งพาส (Boarding Pass) แท็กสัมภาระ (Baggage Claim Tag) ที่ได้ตอนเช็คอินกระเป๋า บัตรประจำตัวประชาชน หรือ หนังสือเดินทาง รายละเอียด เที่ยวบิน (หมายเลขเที่ยวบิน, วันที่เดินทาง, ต้นทาง, ปลายทาง) รายงาน "กระเป๋าหาย" กับสายการบิน: เอกสาร PIR คือหัวใจสำคัญ นี่คือ ขั้นตอนที่สำคัญที่สุด ในการตามหากระเป๋า : เมื่อคุณแจ้งเจ้าหน้าที่ สายการบิน ว่า กระเป๋าเดินทางของคุณหายไป พวกเขาจะให้คุณกรอกเอกสารที่เรียกว่า Property Irregularity Report หรือ PIR เป็นใบแจ้งทรัพย์สินหาย โดยเรา 'จำเป็น' ต้องขอจากสนามบินเพื่อติดตามสัมภาระ และใช้สำหรับเคลมประกัน ซึ่งจะมีหมายเลข Reference Number อยู่ หากเจ้าหน้าที่ตรวจสอบยืนยันครบ 21 วันแล้วว่ากระเป๋าหายจริง เราสามารถนำใบนี้ไปยื่นขอรับเงินชดเชยคืนจากสายการบิน ได้ Property Irregularity Report หรือ PIR กรอกข้อมูลกระเป๋าของคุณให้ละเอียดที่สุด: ลักษณะกระเป๋า: สี, ยี่ห้อ (เช่น กระเป๋าเดินทาง Caggioni, กระเป๋าเดินทาง NinetyGO), ขนาด (เช่น กระเป๋าเดินทาง 20 นิ้ว, กระเป๋าเดินทาง 28 นิ้ว), วัสดุ (ABS, PC, PP), รุ่น, รูปทรง จุดสังเกตพิเศษ: สติกเกอร์, ป้ายห้อยกระเป๋า (เช่น ป้ายห้อยกระเป๋าเดินทาง มีโลโก้แบรนด์ Caggioni), ริบบิ้น, หรือรอยตำหนิเฉพาะที่ช่วยให้ระบุได้ง่าย สิ่งของสำคัญภายในกระเป๋า: ระบุประเภทสิ่งของคร่าวๆ (เช่น เสื้อผ้า, อุปกรณ์เดินทาง, ของใช้ส่วนตัว) หลีกเลี่ยงการระบุของมีค่าสูงลิบลิ่วในขั้นนี้ เพื่อความปลอดภัย ข้อมูลติดต่อ: ที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อได้ในระหว่างที่คุณเดินทาง รวมถึงอีเมลที่ใช้งานจริง เก็บเอกสาร PIR และหมายเลขอ้างอิงไว้ให้ดี: เจ้าหน้าที่จะมอบสำเนาเอกสาร PIR พร้อมกับ หมายเลขอ้างอิง (Reference Number) หรือ รหัสติดตามสัมภาระ (Tracking Code) ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการ ตรวจสอบสถานะกระเป๋า ของคุณ Tip: หากคุณมี ผ้าคลุมกระเป๋าเดินทาง ที่โดดเด่นจาก Bbag.co.th อย่าลืมแจ้งรายละเอียดสีสันหรือลวดลายของผ้าคลุมด้วย! กระเป๋าเดินทางดีเลย์" ต้องรอนานแค่ไหน? ช่องทางการติดตามที่ควรรู้ หลังจากแจ้งเรื่องและได้เอกสาร PIR มาแล้ว คุณสามารถ ติดตามสถานะสัมภาระ ได้ดังนี้: ระบบติดตามออนไลน์ของสายการบิน: สายการบินส่วนใหญ่มีระบบให้คุณสามารถ ตรวจสอบสถานะกระเป๋าเดินทาง ได้บนเว็บไซต์ โดยใช้หมายเลขอ้างอิงจากเอกสาร PIR ที่คุณได้รับ โทรศัพท์/อีเมลหาแผนกสัมภาระ: หากไม่สะดวกตรวจสอบออนไลน์ หรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ให้โทรศัพท์หรือส่งอีเมลไปยังแผนกสัมภาระของ สายการบิน โดยอ้างอิงหมายเลข PIR เสมอ ระยะเวลารอคอย: โดยทั่วไป กระเป๋าดีเลย์ มักถูกค้นพบและจัดส่งให้ภายใน 24-48 ชั่วโมง หากนานกว่านั้น (เช่น เกิน 5-7 วัน) กระเป๋าอาจเข้าสู่สถานะ "กระเป๋าสูญหาย" กระเป๋าเดินทางกลับมาแล้ว! ขั้นตอนการรับคืนและตรวจสอบ สายการบินจะติดต่อกลับ: เมื่อพบ กระเป๋าเดินทาง ของคุณ สายการบินจะแจ้งให้ทราบและนัดหมายการจัดส่ง โดยส่วนใหญ่มักจะจัดส่งให้ถึง โรงแรม หรือ ที่พัก ของคุณโดยตรง ตรวจสอบสภาพกระเป๋าและสิ่งของภายใน: ทันทีที่ได้รับกระเป๋าคืน ให้ตรวจสอบว่า กระเป๋าเดินทาง อยู่ในสภาพสมบูรณ์หรือไม่ มีร่องรอยความเสียหาย หรือสิ่งของภายในสูญหายไปหรือไม่ หากพบปัญหา ให้รีบแจ้งสายการบินอีกครั้งเพื่อดำเนินการ เคลมความเสียหาย "กระเป๋าเดินทางสูญหายถาวร": การเคลมประกันและการชดเชย หากไม่ได้รับกระเป๋าเดินทาง ภายในระยะเวลาที่กำหนด (โดยปกติคือ 21 วันหลังจากแจ้งหาย) กระเป๋าของคุณจะถือว่า "สูญหายถาวร" ในกรณีนี้ คุณสามารถดำเนินการ เคลมประกัน และ เคลมค่าชดเชย ได้: เคลมกับบริษัทประกันการเดินทาง: หากคุณทำ ประกันการเดินทาง ที่คุ้มครองสัมภาระไว้ ให้ติดต่อบริษัทประกันทันที พร้อมแนบเอกสาร PIR และหลักฐานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง บริษัทประกันจะแจ้งขั้นตอนและเอกสารที่ต้องใช้ในการ เคลมประกันกระเป๋าหาย เคลมกับสายการบิน: แม้ไม่มีประกันการเดินทาง สายการบินก็มีข้อกำหนดในการ ชดเชยสัมภาระสูญหาย โดยมีวงเงินสูงสุดตามข้อตกลงของสายการบินนั้น ๆ และตามอนุสัญญาระหว่างประเทศ เตรียมเอกสารประกอบการเคลม: ใบเสร็จรับเงินสำหรับของที่อยู่ในกระเป๋า (ถ้ามี), เอกสาร PIR, ตั๋วเครื่องบิน, และหนังสือรับรองจากสายการบินว่ากระเป๋าสูญหายถาวร ทำรายการสิ่งของที่สูญหาย: ระบุสิ่งของที่หายไปพร้อมมูลค่าโดยประมาณ เพื่อใช้ในการคำนวณ เงินชดเชย เคล็ดลับจาก Bbag.co.th : ป้องกัน "กระเป๋าเดินทางหาย" ด้วยอุปกรณ์เสริมคุณภาพ Bbag.co.th เข้าใจดีว่าการป้องกันดีกว่าการแก้ไข เรามี อุปกรณ์เสริมกระเป๋าเดินทาง มากมายที่จะช่วยลดความเสี่ยงการเกิดเหตุการณ์ กระเป๋าหาย และเพิ่มความปลอดภัยให้การเดินทางของคุณ: ป้ายติดกระเป๋าเดินทาง (Luggage Tag): เลือกดีไซน์โดดเด่น พร้อมเขียนชื่อ, เบอร์โทรศัพท์, อีเมล (ไม่ควรใส่ที่อยู่บ้านทั้งหมด) เพื่อให้ง่ายต่อการติดต่อกลับเมื่อกระเป๋าถูกพบ สายรัดกระเป๋าเดินทาง (Luggage Strap): ช่วยรัดกระเป๋าให้แน่นหนา ป้องกันการเปิดออกโดยไม่ตั้งใจ และยังเป็นจุดสังเกตให้กระเป๋าของคุณโดดเด่นบนสายพาน กุญแจล็อครหัส (TSA Lock): เพิ่มความปลอดภัยให้สัมภาระภายใน และยังช่วยให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรสามารถเปิดตรวจได้โดยไม่ทำลายกุญแจ (สำหรับ เที่ยวบินต่างประเทศ ) ผ้าคลุมกระเป๋าเดินทาง (Luggage Cover): นอกจากจะช่วยปกป้อง กระเป๋าเดินทาง จากรอยขีดข่วนและสิ่งสกปรกแล้ว ยังทำให้กระเป๋าของคุณมีเอกลักษณ์ จดจำได้ง่ายขึ้น อุปกรณ์ติดตามกระเป๋า (Luggage Tracker) เช่น Apple AirTag, Tile: อุปกรณ์เล็กๆ เหล่านี้สามารถใส่ไว้ในกระเป๋าเดินทาง เพื่อให้คุณสามารถ ติดตามตำแหน่งกระเป๋า ของคุณได้ตลอดเวลาผ่านสมาร์ทโฟน ถ่ายรูปกระเป๋าเดินทาง: ถ่ายรูปกระเป๋าของคุณก่อนเดินทาง รวมถึงรูปสิ่งของบางส่วนภายในกระเป๋า เพื่อเป็นหลักฐานสำคัญหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน การเดินทางควรเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจ Bbag.co.th หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์และช่วยให้คุณหมดกังวลเรื่อง กระเป๋าเดินทางหาย หรือ กระเป๋าดีเลย์ เลือก กระเป๋าเดินทางคุณภาพดี และอุปกรณ์เสริมจาก Bbag.co.th เพื่อทุกการเดินทางที่ราบรื่นและปลอดภัยไร้กังวล! Bbag.co.th : แบรนด์แท้ ส่งไว ช้อปได้ 24 ชม.
- ทุเรียน นำขึ้นเครื่องบินได้มั้ย
คำตอบคือ . . . . ไม่ได้ ทุเรียน จัดอยู่ในหมวดของอาหารที่มีกลิ่นแรง รวมถึง กะปิ ปลาร้า หรืออาหารทะเลตากแห้ง จะกลายเป็นของต้องห้ามขึ้นเครื่อง เพราะอาจส่งกลิ่นรบกวนผู้โดยสารคนอื่นๆ ระหว่างการเดินทาง โดยเฉพาะในเที่ยวบินระยะไกล คงไม่มีใครอยากต้องมาทนกับกลิ่นเหม็นตลอดทั้งไฟล์ท มีเหตุการณ์ที่ผู้โดยสารชาวจีนต้องการนำทุเรียนกลับประเทศ โดยเอาขึ้นเครื่องบิน (carry-on baggage) แต่ถูกสายการบินปฏิเสธ เนื่องจากสายการบินมี นโยบายไม่ให้นำผลไม้มีกลิ่นฉุนขึ้นเครื่อง ถึงแม้ว่าจะแพคปิดสนิทแน่นหนาแค่ไหน ทางการบินก็ยังไม่อนุญาตให้นำขึ้นเครื่อง และไม่สามารถโหลดลงใต้ท้องเครื่องได้เช่นกัน ทำให้ผู้โดยสารต้องทิ้งทุเรียนทั้งหมด ปิดขนาดนี้ ก็ยังห้ามขึ้นเครื่อง เหตุผลที่ไม่สามารถนำขึ้นเครื่องได้ เนื่องจากบนเครื่องบิน ระหว่างไฟล์ทมีอากาศถ่ายเทน้อย ทุเรียนเป็นผลไม้มีกลิ่นฉุนรุนแรง เมื่อกลิ่นโชยออกมา กลิ่นนี้จะตลบอบอวนทั่วห้องผู้โดยสาร อาจรบกวนผู้โดยสารท่านอื่นที่เจอกลิ่นไม่พึงประสงค์นี้ เรื่องกลิ่นทุเรียนนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วปี 2018 สายการบิน Sriwijaya Air ออกเดินทางจาก Bengkulu ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้บนเกาะสุมาตรา มีผู้โดยสารแอบนำทุเรียนขึ้นเครื่องบิน กลิ่นของทุเรียนส่งไปทั่วทั้งห้องผู้โดยสาร ผู้โดยสารหลายคนประท้วงปฏิเสธการเดินทาง ถ้ายังมีกลิ่นทุเรียนนี้อยู่ ภาพข่าว ส่วนเหตุผลห้ามโหลดลงใต้ท้องเครื่อง เนื่องจากกลิ่นของทุเรียนเกิดจากการผลิตสารประกอบเรียกว่า โวลาไทล์ซัลเฟอร์คอมพาวด์ (Volatile Sulfur Compounds หรือ VSCs) ซึ่งเป็นสารประกอบที่มีซัลเฟอร์และมีคุณสมบัติที่ระเหยได้ง่าย นอกจากนี้ทุเรียนยังมีสารประกอบอินทรียอื่นๆ เช่น น้ำตาลและกรดอะมิโน ที่มีอยู่ในเนื้อทุเรียน เมื่อทุเรียนสุกเกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมี ส่งผลให้กลิ่นของทุเรียนฉุนขึ้นจนสามารถไป รบกวนการทำงานของ Smoke Detector ของเครื่องบิน จะส่งสัญญาณเตือนขึ้นมา ตัวอย่างในปี 2023 สายการบิน Turkish Airline เที่ยวบินบรรทุกสินค้า TK1855 ออกจากอิสตัลบูล ไป บาร์เซโลน่า ขณะที่บินอยู่ สัญญาณของ smoke detector ขึ้นเตือน pungent odor หรือกลิ่นฉุน กลิ่นรุนแรง ทำให้นักบินตัดสินใจบินกลับไปตรวจเช็คที่สนามบินอิสตัลบูล ซึ่งพบทุเรียนกำลังสุกถูกโหลดลงใต้ท้องเครื่อง สำหรับทุเรียนแปรรูปนั้น โดยทั่วไปแล้วสามารถนำขึ้นเครื่องบินได้ ทั้งแบบถือขึ้นเครื่องและโหลดใต้ท้องเครื่อง เพราะไม่มีกลิ่นแรงเท่าทุเรียนสด แต่ก็ควรแพ็กให้มิดชิด และเก็บไว้ในถุงอย่างดี ดังนั้นทุเรียนจึงเป็นผลไม้ต้องห้ามนำขึ้นเครื่องในหลายๆสายการบิน โดยเฉพาะเที่ยวบินระหว่างประเทศ ผู้โดยสารท่านใดจะนำผลไม้กลิ่นแรง ควรสอบถามสายการบินก่อนเช็คอิน
- ทุเรียน นำขึ้นเครื่องบินได้มั้ย
คำตอบคือ . . . . ไม่ได้ ทุเรียน จัดอยู่ในหมวดของอาหารที่มีกลิ่นแรง รวมถึง กะปิ ปลาร้า หรืออาหารทะเลตากแห้ง จะกลายเป็นของต้องห้ามขึ้นเครื่อง เพราะอาจส่งกลิ่นรบกวนผู้โดยสารคนอื่นๆ ระหว่างการเดินทาง โดยเฉพาะในเที่ยวบินระยะไกล คงไม่มีใครอยากต้องมาทนกับกลิ่นเหม็นตลอดทั้งไฟล์ท มีเหตุการณ์ที่ผู้โดยสารชาวจีนต้องการนำทุเรียนกลับประเทศ โดยเอาขึ้นเครื่องบิน (carry-on baggage) แต่ถูกสายการบินปฏิเสธ เนื่องจากสายการบินมี นโยบายไม่ให้นำผลไม้มีกลิ่นฉุนขึ้นเครื่อง ถึงแม้ว่าจะแพคปิดสนิทแน่นหนาแค่ไหน ทางการบินก็ยังไม่อนุญาตให้นำขึ้นเครื่อง และไม่สามารถโหลดลงใต้ท้องเครื่องได้เช่นกัน ทำให้ผู้โดยสารต้องทิ้งทุเรียนทั้งหมด ปิดขนาดนี้ ก็ยังห้ามขึ้นเครื่อง เหตุผลที่ไม่สามารถนำขึ้นเครื่องได้ เนื่องจากบนเครื่องบิน ระหว่างไฟล์ทมีอากาศถ่ายเทน้อย ทุเรียนเป็นผลไม้มีกลิ่นฉุนรุนแรง เมื่อกลิ่นโชยออกมา กลิ่นนี้จะตลบอบอวนทั่วห้องผู้โดยสาร อาจรบกวนผู้โดยสารท่านอื่นที่เจอกลิ่นไม่พึงประสงค์นี้ เรื่องกลิ่นทุเรียนนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วปี 2018 สายการบิน Sriwijaya Air ออกเดินทางจาก Bengkulu ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้บนเกาะสุมาตรา มีผู้โดยสารแอบนำทุเรียนขึ้นเครื่องบิน กลิ่นของทุเรียนส่งไปทั่วทั้งห้องผู้โดยสาร ผู้โดยสารหลายคนประท้วงปฏิเสธการเดินทาง ถ้ายังมีกลิ่นทุเรียนนี้อยู่ ภาพข่าว ส่วนเหตุผลห้ามโหลดลงใต้ท้องเครื่อง เนื่องจากกลิ่นของทุเรียนเกิดจากการผลิตสารประกอบเรียกว่า โวลาไทล์ซัลเฟอร์คอมพาวด์ (Volatile Sulfur Compounds หรือ VSCs) ซึ่งเป็นสารประกอบที่มีซัลเฟอร์และมีคุณสมบัติที่ระเหยได้ง่าย นอกจากนี้ทุเรียนยังมีสารประกอบอินทรียอื่นๆ เช่น น้ำตาลและกรดอะมิโน ที่มีอยู่ในเนื้อทุเรียน เมื่อทุเรียนสุกเกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมี ส่งผลให้กลิ่นของทุเรียนฉุนขึ้นจนสามารถไป รบกวนการทำงานของ Smoke Detector ของเครื่องบิน จะส่งสัญญาณเตือนขึ้นมา ตัวอย่างในปี 2023 สายการบิน Turkish Airline เที่ยวบินบรรทุกสินค้า TK1855 ออกจากอิสตัลบูล ไป บาร์เซโลน่า ขณะที่บินอยู่ สัญญาณของ smoke detector ขึ้นเตือน pungent odor หรือกลิ่นฉุน กลิ่นรุนแรง ทำให้นักบินตัดสินใจบินกลับไปตรวจเช็คที่สนามบินอิสตัลบูล ซึ่งพบทุเรียนกำลังสุกถูกโหลดลงใต้ท้องเครื่อง ดังนั้นทุเรียนจึงเป็นผลไม้ต้องห้ามนำขึ้นเครื่องในหลายๆสายการบิน โดยเฉพาะเที่ยวบินระหว่างประเทศ ผู้โดยสารท่านใดจะนำผลไม้กลิ่นแรง ควรสอบถามสายการบินก่อนเช็คอิน
- เตรียมตัวชมซากุระที่ญี่ปุ่น : วางแผนให้เป๊ะพร้อมกระเป๋าเดินทางคู่ใจ
การชมซากุระที่ญี่ปุ่นเป็นความฝันของนักท่องเที่ยวหลายคน เพราะดอกไม้สีชมพูอ่อนที่บานสะพรั่งในช่วงฤดูใบไม้ผลิสร้างบรรยากาศที่สวยงามและน่าประทับใจ หากคุณกำลังวางแผนไปสัมผัสประสบการณ์นี้ บทความนี้จะช่วยคุณเตรียมตัวให้พร้อมทั้งการวางแผนเดินทาง การเลือกเสื้อผ้า การเลือกกระเป๋าเดินทางที่เหมาะสม เพื่อให้ทริปของคุณสมบูรณ์แบบ โดยอ้างอิงข้อมูลการพยากรณ์ดอกซากุระบานจาก japan-guide.com/sakura มาดูกันเลย! 1. การวางแผนการเดินทาง การชมซากุระที่ญี่ปุ่นต้องเริ่มจากการวางแผนที่แม่นยำ เพราะช่วงที่ซากุระบานมักอยู่ในช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายนของทุกปี โดยคุณสามารถเช็กพยากรณ์การบานของดอกซากุระได้จากเว็บไซต์ japan-guide.com/sakura ซึ่งจะอัปเดตข้อมูลตามเมืองต่าง ๆ เช่น โตเกียว เกียวโต โอซาก้า และฮอกไกโด เลือกเมืองและช่วงเวลา: หากอยากเห็นซากุระบานเต็มที่ แนะนำให้จองตั๋วเครื่องบินและที่พักล่วงหน้าประมาณ 3-6 เดือน เพราะช่วงนี้เป็นฤดูท่องเที่ยวยอดนิยม สำรองวันเผื่อไว้: ดอกซากุระอาจบานช้าหรือเร็วกว่าที่คาดการณ์ได้ ดังนั้นควรมีวันสำรองในแผนการเดินทาง 2-3 วัน การเดินทางในญี่ปุ่น: ซื้อบัตร JR Pass หรือบัตรโดยสารแบบเหมาจ่ายเพื่อความสะดวกในการเดินทางข้ามเมือง 2. แนะนำการเลือกเสื้อผ้าให้เหมาะสมกับอากาศ ช่วงฤดูใบไม้ผลิในญี่ปุ่น (มีนาคม-เมษายน) อากาศมักจะเย็นสบาย อุณหภูมิอยู่ระหว่าง 10-20 องศาเซลเซียส แต่บางวันอาจมีลมแรงหรือฝนตกได้ ดังนั้นการเลือกเสื้อผ้าต้องคำนึงถึงความอบอุ่นและความคล่องตัว เสื้อผ้าแนะนำ: เสื้อแจ็คเก็ตบาง ๆ หรือเสื้อโค้ทกันลม เสื้อกันหนาวแบบบางสวมทับได้ สเวตเตอร์ และผ้าพันคอสำหรับวันที่อากาศเย็น รองเท้า: รองเท้าผ้าใบที่ใส่สบายเหมาะกับการเดินชมซากุระในสวนสาธารณะเป็นเวลานาน อุปกรณ์กันฝน: ร่มพกพาหรือเสื้อกันฝนแบบบาง เพื่อรับมือกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง การเลือกเสื้อผ้าที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณเพลิดเพลินกับการถ่ายรูปท่ามกลางดอกซากุระได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องอากาศ 3. แนะนำการเลือกกระเป๋าเดินทางให้ขนาดเหมาะสม การเลือกกระเป๋าเดินทางสำหรับทริปชมซากุระเป็นสิ่งสำคัญ เพราะขนาดที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณเดินทางสะดวกและพกพาของใช้ได้ครบครัน โดย bbag มีตัวเลือกมากมายจากหลากหลายแบรนด์ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าเดินทางล้อลากแบบโหลด กระเป๋าเดินทางล้อลากแบบถือขึ้นเครื่องได้ กระเป๋าเป้ กระเป๋าคาดอก ที่เพิ่มความคล่องตัวให้ทริปของคุณ ทริปสั้น 3-5 วัน: กระเป๋าเดินทางขนาด 20 นิ้ว (carry-on) เหมาะสมที่สุด เพราะพกขึ้นเครื่องได้ ไม่ต้องโหลดใต้ท้องเครื่อง และน้ำหนักเบา เหมาะกับการเดินทางไปกลับแบบไม่เยอะ ทริปยาว 7 วันขึ้นไป: เลือกกระเป๋าเดินทางขนาด 24-28-30 นิ้ว เพื่อให้มีพื้นที่สำหรับเสื้อผ้าฤดูใบไม้ผลิที่อาจหนากว่าปกติ รวมถึงของฝากจากญี่ปุ่น เช่น ขนมหรือของที่ระลึก คุณสมบัติที่ควรมี: ล้อหมุน 360 องศาเพื่อความคล่องตัว วัสดุกันน้ำเผื่อฝนตก และช่องใส่ของที่จัดระเบียบง่าย กระเป๋าเดินทางที่ดีไม่เพียงช่วยให้คุณเดินทางสะดวก แต่ยังเพิ่มความมั่นใจในทุกก้าวของการท่องเที่ยว ค้นหากระเป๋าคุณภาพได้ที่เว็บไซต์ของเราเลย! https://www.bbag.co.th/shop-by-category 4. คำแนะนำอื่นๆ เพิ่มเติม นอกจากการเตรียมตัวด้านการเดินทาง เสื้อผ้า และกระเป๋าแล้ว ยังมีเคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่จะทำให้ทริปชมซากุระของคุณสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น - เตรียมกล้องหรือสมาร์ทโฟนให้พร้อม: ซากุระบานคือช่วงเวลาที่เหมาะกับการถ่ายรูป อย่าลืมพกแบตสำรองและเมมโมรี่การ์ดเพิ่ม - พกเสื่อปิกนิก: ชาวญี่ปุ่นนิยมปูเสื่อนั่งชมซากุระใต้ต้นไม้ (เรียกว่า "ฮานามิ") ลองหาเสื่อพกพาน้ำหนักเบาใส่ในกระเป๋าเดินทาง - จองร้านอาหารล่วงหน้า: ร้านอาหารใกล้จุดชมซากุระมักเต็มเร็ว แนะนำให้จองผ่านแอปหรือเว็บไซต์ก่อนเดินทาง - เรียนรู้มารยาทท้องถิ่น : อย่าเด็ดดอกซากุระหรือทิ้งขยะในสวนสาธารณะ เพื่อรักษาความสวยงามให้คงอยู่ คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง: กระเป๋าเดินทางญี่ปุ่น, เที่ยวซากุระญี่ปุ่น, วางแผนเที่ยวญี่ปุ่น, กระเป๋าเดินทางขนาดไหนดี, เตรียมตัวเที่ยวฤดูใบไม้ผลิ
- ไม่อนุญาตให้ผู้โดยสารใช้หรือชาร์จพาวเวอร์แบงค์ขณะเดินทาง
ห้ามใช้ power bank ขณะเดินทาง วันนี้ (วันที่ 7 มีนาคม 2568) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ออกประกาศแจ้งผู้โดยสาร ว่า เพื่อความปลอดภัยในการเดินทางของผู้โดยสาร ขอแจ้งให้ทราบว่าผู้โดยสารไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้หรือชาร์จ พาวเวอร์แบงค์ (แบตเตอรี่สำรอง) หรือ Power Bank ตลอดระยะเวลาการเดินทาง สายการบินต่างชาติหลายสายการบิน ได้ออกประกาศห้ามใช้พาวเวอร์แบงค์บนเครื่องบินก่อนหน้านี้ โดยเริ่มจาก Air Busan ประเทศเกาหลีใต้ ที่ไม่อนุญาตให้ผู้โดยสารเก็บพาวเวอร์แบงค์ (แบตเตอรี่สำรอง) ไว้ในช่องเก็บสัมภาระ โดยให้พกติดตัว และไม่อนุญาตให้ชาร์จขณะโดยสารบนเครื่อง ดังนั้น หากเพื่อนๆต้องการจะเดินทาง กรุณาตรวจสอบกฏ ระเบียบของสายการบิน เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร การบินไทย ห้ามผู้โดยสารใช้ หรือชาร์จ Power Bank บนเครื่องบิน การบินไทยกำหนดมาตรการการพกพา Power Bank เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร เนื่องจากเหตุการณ์เพลิงไหม้ที่เกิดขึ้นกับสายการบินต่างประเทศ ซึ่งมีข้อสันนิษฐานว่าอาจเกี่ยวข้องกับการใช้งาน Power Bank ระหว่างเที่ยวบิน บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) จึงกำหนดมาตรการด้านความปลอดภัย โดยไม่อนุญาตให้ใช้ Power Bank ระหว่างอยู่บนเครื่องบิน มีผลตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวมีขึ้นเพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยสูงสุดของผู้โดยสารและลูกเรือ ขอความร่วมมือทุกท่านปฏิบัติตามข้อกำหนดดังกล่าวและขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ ที่นี้ ที่มา https://www.facebook.com/ThaiAirways.TH
- ไม่อนุญาตให้ผู้โดยสารใช้หรือชาร์จพาวเวอร์แบงค์ขณะเดินทาง
ห้ามใช้ power bank ขณะเดินทาง วันนี้ (วันที่ 7 มีนาคม 2568) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ออกประกาศแจ้งผู้โดยสาร ว่า เพื่อความปลอดภัยในการเดินทางของผู้โดยสาร ขอแจ้งให้ทราบว่าผู้โดยสารไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้หรือชาร์จ พาวเวอร์แบงค์ (แบตเตอรี่สำรอง) หรือ Power Bank ตลอดระยะเวลาการเดินทาง สายการบินต่างชาติหลายสายการบิน ได้ออกประกาศห้ามใช้พาวเวอร์แบงค์บนเครื่องบินก่อนหน้านี้ โดยเริ่มจาก Air Busan ประเทศเกาหลีใต้ ที่ไม่อนุญาตให้ผู้โดยสารเก็บพาวเวอร์แบงค์ (แบตเตอรี่สำรอง) ไว้ในช่องเก็บสัมภาระ โดยให้พกติดตัว และไม่อนุญาตให้ชาร์จขณะโดยสารบนเครื่อง ดังนั้น หากเพื่อนๆต้องการจะเดินทาง กรุณาตรวจสอบกฏ ระเบียบของสายการบิน เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร การบินไทย ห้ามผู้โดยสารใช้ หรือชาร์จ Power Bank บนเครื่องบิน เนื่องจากเหตุการณ์เพลิงไหม้ที่เกิดขึ้นกับสายการบินต่างประเทศ ซึ่งมีข้อสันนิษฐานว่าอาจเกี่ยวข้องกับการใช้งาน Power Bank ระหว่างเที่ยวบิน บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) จึงกำหนดมาตรการด้านความปลอดภัย โดยไม่อนุญาตให้ใช้ Power Bank ระหว่างอยู่บนเครื่องบิน มีผลตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวมีขึ้นเพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยสูงสุดของผู้โดยสารและลูกเรือ ขอความร่วมมือทุกท่านปฏิบัติตามข้อกำหนดดังกล่าวและขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ ที่นี้ ที่มา https://www.facebook.com/ThaiAirways.TH
- จัดกระเป๋าเดินทาง ทริปลุยหิมะ เตรียมอะไรไปดี?
จัดกระเป๋าเที่ยวช่วงหิมะ เตรียมอะไรไปดี !? การเดินทางไปเมืองหนาวนั้นสำหรับคนไทยอาจจะต้องเตรียมตัวไปให้ดีเพราะสภาพอากาศที่มีหิมะหนาวเย็นและแตกต่างจากประเทศไทยอย่างมาก ทำให้หลายคนหากเตรียมตัวไปไม่ดีก็อาจจะเจ็บป่วยจากการที่ร่างการปรับอุณหภูมิไม่ทันได้อย่างแน่นอน สำหรับมือใหม่ที่เริ่มต้นเที่ยวในช่วงฤดูหิมะอาจสับสนว่าหิมะคือระดับความหนาวแค่ไหน ควรพกอะไรไปดี วันนี้เราเอาคำแนะนำในการจัดกระเป๋ามาฝาก เสื้อผ้าและชุดกันหนาว ลองจอน สำคัญมากเพราะจะช่วยให้ร่างกายอุ่นขึ้นจากเนื้อผ้าที่มีความหนาเป็นพิเศษ ควรใส่ทุกวันเป็นชิ้นแรก เมื่อต้องเจอกับหิมะ เสื้อกันหนาวตัวใน ควรหาเสื้อที่มีความอุ่น เช่น ไหมพรม,เสื้อคอเต่า,Heattech, สเวตเตอร์ เพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกาย กันหนาวจากหิมะ เ สื้อกันหนาวตัวนอก แนะนำเป็นเสื้อขนเป็ด, Overcoat, เสื้อเฟอร์ขนสัตว์ หรือจะแบบ Puffer Coat ที่ผลิตจากขนห่าน ผ้าวูล สามารถกักเก็บความร้อนได้และช่วยกันความหนาวจากหิมะได้ดี ผ้าพันคอ เลือกผ้าพันคอไหมพรมหรือผ้าที่ผลิตจากผ้าวูลก็จะช่วยให้ไม่คันและเพิ่มความอุ่นได้ดี ถุงมือ แนะนำเป็นถุงมือหนังที่มีผ้า Heattech เนื้อผ้าแคชเมียร์หรือผ้าหนาพิเศษและให้เลือกถุงมือที่สามารถทัชสกรีนโทรศัพท์เพื่อความสะดวกในการใช้งาน หมวกไหมพรม หรือหมวกกันหนาวนจากลมหรือหิมะด้วยขนเฟอร์จากสัตว์หรือที่มีความหนาพิเศษแนะนำให้เลือกที่พอดีกับศีรษะไม่หลวมหรือไม่แน่นจนเกินไป · ถุงเท้า ควรเลือกเป็น ถุงเท้า Heattech หรือทำจากผ้าวูลหรือกำมะหยีก็จะทำให้มีความหนานุ่มเก็บควาามร้อนจากร่างกายช่วยกันหนาวจากหิมะได้ดี รองเท้า ถ้าต้องลุยหิมะเยอะ แนะนำเป็นรองเท้ากันหิมะ เช่น รองเท้าบูทที่บุขนสัตว์ด้านใน สามารถกันน้ำและกันลื่นจากหิมะได้ดี แต่หากไม่ต้องลุยหิมะมากนักแนะนำเป็นรองเท้าผ้าใบธรรมดาได้แต่ดูเลือกพื้นรองเท้าที่เหมาะสม ระวังลื่น ของใช้จำเป็นอื่นๆ มอยส์เจอไรเซอร์ อากาศหนาวทำให้ผิวหน้าและผิวกายแห้งมากที่สุด อย่าลืมทาครีมบำรุงเพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิวหน้าและผิวกาย สำคัญและจำเป็นมากป้องกันไม่ให้ผิวแห้งลอกและแตกได้ ลิปบาล์ม นอกจากผิวแห้งแล้วปากก็ยังแตกได้ถ้าเจออากาศหนาวเย็นมาก แนะนำพกลิปมันหรือลิปบาล์มติดกระเป๋าไว้ตลอดเวลา หมั่นทาระหว่างวันเพิ่มความชุ่มชื่นให้ริมฝีปากบ่อยๆ ยาสามัญประจำตัว ก่อนที่จะพกยาติดกระเป๋า อย่าลืมตรวจสอบยาที่ห้ามนำเข้าของแต่ละประเทศด้วยเนื่องจากแต่ละประเทศมีการนำเข้ายาบางชนิดไม่เหมือนกัน ศึกษาและตรวจสอบก่อนเดินทาง ไม่อย่างนั้นอาจจะถูกห้ามนำเข้าประเทศได้ หลักๆ ที่แนะนำให้พกติดตัว คือ ยาแก้แพ้ เมารถ ยาแก้ปวด เป็นต้น แบตเตอรี่สำรอง เมื่อเจออากาศหนาวและหิมะแบตเตอรี่ในโทรศัพท์มือถือจะหมดลงอย่างรวดเร็ว แนะนำอย่าใช้โทรศัพท์ท่ามกลางสภาพอากาศที่หนาวเย็นนานๆ เพราะจะทำให้โทรศัพท์ของคุณ ดับลงอย่างทันที วิธีแก้ไขเมื่อโทรศัพท์ดับให้นำถุงร้อนมาประคบเพื่อเพิ่มอุณหภูมิให้โทรศัพท์และรอสักพักจนกว่าอุณหภูมิของเครื่องจะอุ่นขึ้นก็จะสามารถใช้งานได้ปกติ ควรชาร์จแบตหลังจากเปิดเครื่องติดแล้วเท่านั้น กระเป๋าใส่สัมภาระ กระเป๋าใส่ของใช้ระหว่างวัน อย่าลืมเลือกเป็นกระเป๋าผ้าแบบกันน้ำหรือผ้าร่มจะใช้งานได้ดีเพราะอาจจะต้องเจอกับหิมะกระเป๋าจะได้ไม่เปียก เลือกกระเป๋าที่มีช่องใส่สิ่งของหลายๆ ช่องมีซิปปิดหนาแน่นและพกสัมภาระเท่าที่จำเป็นเท่านั้น Item ช่วยชีวิตให้รอดจากความหนาว ถุงร้อนกันหนาว แนะนำเป็นถุงร้อนแบบพกพาที่ให้ความร้อนนานถึง 10 ชั่วโมง นำใส่ในกระเป๋าเสื้อกันหนาวเพื่อให้สามารถใช้มือกำเพิ่มความร้อนให้ร่างกายเมื่อเจอหิมะหรืออากาศหนาวจัด หน้ากาก หากอุณหภูมิติดลบควรใช้หน้ากากผ้าปิดจมูกกันหนาว โดยเฉพาะลมแรงแล้วหายใจโดยไม่มีหน้ากากผ้าก็จะทำให้หายใจลำบากและหนาวมากนั่นเอง แว่นตากันลม หากเจอหิมะและลมแรง หิมะเข้าตาอาจจะให้ตาเกิดการระคายเคืองได้ควรใส่แว่นกันลมและหิมะเข้าไปด้วยจะให้ใช้ชีวิตง่ายขึ้น ที่ปิดหูกันหนาว เมื่อเจออากาศหนาวจัดหูของคนเราจะเย็นอย่างรวดเร็วและสามารถเกิดอาการบาดเจ็บได้ ใครขี้หนาวหรือไม่สามารถทนหิมะได้ควรใส่ที่ครอบหูหรือที่ปิดกันหนาวไปด้วย ก่อนเดินทางไปท่องเที่ยวเมืองหนาวหิมะ อย่าลืมเช็คสภาพอากาศก่อนเดินทางเพื่อจะได้เตรียมความพร้อมไปให้ได้มากที่สุดและสำคัญอย่าลืมที่จะเตรียมร่างกายให้พร้อมเผชิญหน้ากับความหนาวเย็นด้วย เพื่อให้การเที่ยวเมืองหนาวและการเจอหิมะของทุกคนมีความสุขและสนุกที่สุดตลอดทั้งทริปนั่นเอง
- จนท.สนามบิน ชี้เคล็ดลับช่วย ผู้โดยสารรับกระเป๋าเร็วทันใจ ไม่ต้องรอสัมภาระนาน!
เผย 3 เคล็ดลับจากเจ้าหน้าที่สนามบินสหรัฐฯ ช่วยให้รับสัมภาระเร็วทันใจหลังลงเครื่อง ไม่ต้องรอนาน! เมื่อเดินทางไปต่างประเทศ ใครจะไม่อยากรับกระเป๋าเดินทางทันทีที่ลงจากเครื่องบินบ้าง? เจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินของสนามบินสหรัฐฯ ได้เผยเคล็ดลับ 3 ข้อ ที่จะช่วยให้ผู้โดยสารไม่ต้องรอสัมภาระนาน สามารถรับกระเป๋าได้อย่างรวดเร็วขึ้นกว่าเดิม "Thomas Lo Sciuto" เจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินของสนามบินสหรัฐฯ ได้อธิบายว่า เนื่องจากผู้โดยสารที่เช็คอินก่อนจะมีสัมภาระถูกโหลดขึ้นเครื่องก่อน ในขณะที่ผู้โดยสารที่เช็คอินทีหลัง สัมภาระจะถูกวางไว้ใกล้กับประตูเครื่องบิน ซึ่งทำให้สามารถนำลงได้เร็วกว่าเมื่อถึงจุดหมายปลายทาง แม้ว่าวิธีนี้จะช่วยลดเวลารอรับสัมภาระ แต่สำหรับผู้โดยสารที่ชอบวางแผนล่วงหน้า การทำแบบนี้อาจจะทำให้เกิดความไม่แน่นอนไปบ้าง เจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินกล่าวเพิ่มเติมว่า บางสายการบินได้เปิดให้บริการจัดการสัมภาระลำดับพิเศษ "ที่ต้องเสียค่าใช้จ่าย" เพื่อรองรับความต้องการของผู้โดยสารที่ต้องการรับสัมภาระอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ผู้โดยสารที่เดินทางในชั้น ธุรกิจ หรือผู้ที่สะสมไมล์ได้ถึงระดับที่กำหนด ก็อาจได้รับสิทธิพิเศษในการใช้สายพานส่งสัมภาระเฉพาะ ซึ่งจะช่วยให้สัมภาระมาถึงได้เร็วขึ้นเช่นกัน ท้ายที่สุดเจ้าหน้าที่แนะนำเคล็ดลับเล็กๆ โดยให้ติดสติกเกอร์ "ของแตกหักง่าย" บนกระเป๋าเดินทาง เพราะสายการบินจะให้ความสำคัญกับสัมภาระที่ติดสติกเกอร์ดังกล่าว และจะพยายามหลีกเลี่ยงการทับหรือกระแทกขณะโหลด กระเป๋าประเภทนี้มักจะถูกโหลดเป็นลำดับสุดท้าย ซึ่งเมื่อถึงจุดหมายปลายทางจะถูกนำลงก่อน เพื่อให้ผู้โดยสารสามารถรับสัมภาระได้เร็วขึ้นและประหยัดเวลาได้มากขึ้น อีกทั้งอดีตพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินชื่อ "Yuka" ก็ได้ชี้แนะนำว่า หากมีความจำเป็นเร่งด่วน ผู้โดยสารสามารถขอให้เจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินนำสัมภาระไปวางที่พื้นที่ "Doorside" (บริเวณข้างประตูเครื่องบิน) ได้เช่นเดียวกัน แต่พื้นที่นี้โดยปกติแล้วจะจัดไว้สำหรับผู้โดยสารที่มีความต้องการพิเศษ เช่น ผู้ใช้รถเข็น หรือเด็กเล็กที่นั่งในรถเข็น หากผู้โดยสารไม่มีเหตุผลเร่งด่วน แน่นอนว่าเจ้าหน้าที่อาจปฏิเสธคำขอนี้













