top of page

Search Results

พบ 61 ผลลัพธ์เมื่อไม่ระบุค่าการค้นหา

  • เปิด 9 แลนด์มาร์ก โชว์แสงสี “น้องหมูเด้ง” ในงาน Bangkok Illumination Festival

    18 ธันวาคม 2567 ชวนแฟนคลับน้องหมูเด้ง มาเช็กอิน ชมความน่ารัก กับปรากฏการณ์แสงสีสุดอลังการในธีม หมูเด้งบุกกรุง กับงาน Bangkok Illumination Festival 2024 ณ เวลานี้ คงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก “น้องหมูเด้ง” ฮิปโปแคระสุดน่ารักที่สร้างปรากฏการณ์ไวรัล เรียกฐานแฟนคลับได้เป็นจำนวนมากทั้งทั่วประเทศไทย และต่างแดนอีกด้วย กระแสที่เกิดขึ้นนี้ทาง Bangkok Illumination Festival 2024 จึงได้นำคาแรกเตอร์ของน้องหมูเด้ง มาสร้างปรากฏการณ์แสงสีสุดอลังการในธีม “หมูเด้งบุกกรุง” ที่จะนำน้องหมูเด้งมาสร้างพลังงานสุดน่ารักไปทั่วทั้งกรุงเทพฯ แบบไม่เหมือนใคร ด้วยการเนรมิตเมืองกรุงเทพฯ ให้กลายเป็นของน้องหมูเด้ง ในคาแรกเตอร์ต่างๆ พร้อมชวนนักท่องเที่ยว แฟนคลับ ทุกคนทั้งไทยและเทศมา “เด้ง” ให้สุด ด้วยกิจกรรมแบบจัดเต็มความสนุก แสง และสีสันแบบจัดจ้านไม่ซ้ำใคร 17 ธ.ค. 67 - 5 ม.ค. 68 ตั้งแต่เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป เส้นทางที่ 1 ย่านปทุมวัน-สนามกีฬาแห่งชาติ สนามกีฬาแห่งชาติ พบกับเจ้าหมูเด้งที่มาบุกอาคารกีฬานิมิบุตร พร้อมแปลงโฉมเป็น “DJ เด้ง” ที่จะมาเตรียมเพลงระเบิดบีทแบบมันส์ๆ พร้อมแสง สี เสียงแบบจัดหนัก จัดเต็มความสนุกแบบ NONSTOP ONESIAM SKYWALK (ลานใบบัว)  นำเสนอ Inflatable art lighting หมูเด้งในธีม “มาดามเด้ง สายช็อป สายเปย์” ที่จะเชิญชวนทุกคนมาจับจ่ายซื้อของเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจส่งท้ายปีใจกลางเมืองที่เป็นแหล่งที่ตั้งของห้างสรรพสินค้าชั้นนำของกรุงเทพมหานคร STREET SIAM CENTER TO CENTRALWORLD บริเวณบาทวิถีหน้าห้างสรรพสินค้า SIAM CENTER – CENTRALWORLD ประดับตกแต่งด้วย Installation art รูปทรงต่าง ๆ เป็นแลนด์มาร์คสำหรับถ่ายรูปจากบริเวณหน้าห้างสรรพสินค้า SIAM CENTER จนถึงหน้าห้างสรรพสินค้า CENTRALWORLD และบริเวณ Park Paragon เส้นทางที่ 2 ย่านหัวลำโพง–เยาวราช สถานีรถไฟหัวลำโพง ตื่นตาตื่นใจกับ Installation art “เด้งซิล่า” หมูเด้งตัวยักษ์ แปลงกายเป็นเด้งซิลล่า บุกหัวลำโพง และจัดแสดงเทคนิค Light up และ Projection Mapping ด้วยนวัตกรรมที่ทันสมัยผ่านบริเวณสถาปัตยกรรมของอาคารหน้าสถานีรถไฟหัวลำโพง คลองผดุงกรุงเกษม เนรมิตคลองผดุงกรุงเกษมด้วยการ Light up ประดับตกแต่งไฟสวยงามตลอดบริเวณพื้นที่ริมฝั่งคลองผดุงกรุงเกษมให้มีชีวิตชีวาและนำเสนอ Land Mark ประดับไฟถ่ายรูปในรูปทรงแบบต่าง ๆ ตื่นตา ตื่นใจไปกับแสงสีสุดอลังการจากเคล้าความเป็นหมูเด้งอยู่แบบจุใจ ถนนมิตรภาพไทย - จีน ( ซอยวัดไตรมิตร )  นำเสนอเทคนิคการฉาย Gobo light รอยเท้าน่ารักของเจ้าหมูเด้งบนพื้นผิวทางเดิน ที่จะนำทางทุกคนสู่ความสนุกแบบเด้ง ๆ ตลอดเส้นทางถนนมิตรภาพไทย-จีน ในซอยวัดไตรมิตรและ Light up ประดับตกแต่งต้นไม้บริเวณโดยรอบให้มีความสวยงาม บริเวณซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา ( วงเวียนโอเดียน ) นำเสนอ Inflatable art lighting หมูเด้งในธีม “หมวยเด้ง” สุดน่ารัก มาพร้อมคอสตูมสไตล์จีนสุดปังเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศของพื้นที่โดยรอบที่เป็นกลิ่นอายวัฒนธรรมไทยจีนอย่าง ถนนเยาวราช ที่เป็นแหล่ง Street food ชั้นเลิศของกรุงเทพมหานคร เส้นทางที่ 3 ย่านอโศก - สุขุมวิท บริเวณบีทีเอส สกา ย วอล์ค อโศก ( แยกอโศก ) จัดแสดงเทคนิคฉาย Projection Mapping และ Light up ประดับไฟด้วยนวัตกรรมสมัยใหม่บนบริเวณหน้า SKY WALK BTS อโศก (ฝั่งถนนรัชดาภิเษก) ให้แยกอโศกใจกลางกรุงเทพมหานครมีสีสัน   เข้ากับบรรยากาศการเฉลิมฉลองส่งท้ายปี 2567 บริเวณลานน้ำพุ อุทยานเบญจสิริ   ปิดจบความน่ารักที่ สวนเบญจสิริ กับธีม “หมูเด้งอินเดอะพาร์ค” ที่ชวนทุกคนมาปิกนิกชิลๆ ท่ามกลางบรรยากาศสุดสดใสไปพร้อมกับน้องเด้ง

  • MTUTD: Official Partnership Announcement

    Muangthong United x Caggioni Travel Luggage   เมืองทอง ยูไนเต็ด ขอขอบคุณ คาจิโอนี่ (Caggioni) แบรนด์กระเป๋าเดินทางที่มีคุณภาพและมาตรฐานระดับสากล ที่ให้การสนับสนุนกระเป๋าเดินทางอันเก๋ไก๋ให้กับสโมสร โดยเริ่มจากทริปลัดฟ้าสู่ประเทศฟิลิปปินส์ ทุกก้าวย่างแห่งการเดินทาง เรามั่นใจในคุณภาพของ คาจิโอนี่ ถึงความเป็นมืออาชีพที่อยู่คู่ชาวประชามากว่า 67 ปี ซึ่งแน่นอนว่านักเตะกิเลนผยองก็จะได้สัมผัสสินค้าเกรดพรีเมียมที่จะติดตามพวกเขาไปพร้อมๆ กันบนถนนลูกหนังตลอดฤดูกาล 2024 - 25 นี้ Muangthong United would like to express our gratitude to Caggioni, a renowned international luggage brand, for providing our players and staff with stylish luggage on our journey to the Philippines. With 67 years of excellence, Caggioni’s premium luggage will accompany our players throughout the 2024-25 season. #MuangthongUnited #MTUTD #Kirins #ThaiLeague #ThaiLeague2024I25 #FearlessKirins #Caggioni #MTUTDxCaggioni #Caggioni_MuangthongUnited

  • ใบขับขี่แบบสมาร์ทการ์ด ใช้ได้ในกลุ่มอาเซียนทันที 10 ประเทศ

    ใบขับขี่ smart card คืออะไร ใบขับขี่สมาร์ทการ์ด คือ ใบขับขี่ที่มีการฝังชิปอิเล็กทรอนิกส์ไว้ภายใน ซึ่งชิปนี้สามารถเก็บข้อมูลสำคัญของผู้ขับขี่ได้ เช่น ชื่อ ที่อยู่ ประวัติการขับขี่ คะแนนสะสม หรือข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ยังสามารถเชื่อมต่อกับระบบคอมพิวเตอร์เพื่อทำการตรวจสอบข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ใบขับขี่ประเภทนี้ถูกนำมาใช้แทนใบขับขี่แบบกระดาษทั่วไป โดยข้อมูลในใบขับขี่ smart card จะปรากฏเป็นทั้งรูปแบบภาษาไทยและรูปแบบภาษาอังกฤษร่วมด้วยกัน ซึ่งใบขับขี่สมาร์ทการ์ดนี้สามารถนำไปใช้ขับรถได้ในประเทศสมาชิกอาเซียน โดยไม่ต้องทำใบอนุญาตขับรถสากลหรือ ทำใบขับขี่สากล ได้อีกด้วย   ใบขับขี่สมาร์ทการ์ดแตกต่างกับใบขับขี่ทั่วไปอย่างไร บอกก่อนว่าลักษณะของใบขับขี่ทั่วไปกับใบขับขี่ Smart Card หน้าจะไม่ค่อยแตกต่างกันเท่าไหร่ แต่ก็จะมีจุดที่ชี้ชัดว่าใบขับขี่ของเราเป็นสมาร์ทการ์ดได้เช่นกัน เช่น มีคิวอาร์โค้ดที่ด้านหลังบัตร เป็นต้น การเก็บข้อมูล ใบขับขี่ Smart Card มีชิปอิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถเก็บข้อมูลได้มากขึ้นและปลอดภัยกว่า สามารถเชื่อมต่อกับระบบต่างๆ ได้ ใบขับขี่ทั่วไป มักเป็นแบบกระดาษหรือพลาสติก มีข้อมูลจำกัดและไม่ได้มีชิปสำหรับเก็บข้อมูล ความปลอดภัย ใบขับขี่ Smart Card มีการเข้ารหัสข้อมูล ทำให้ยากต่อการปลอมแปลงหรือแก้ไขข้อมูล  ใบขับขี่ทั่วไป ง่ายต่อการปลอมแปลงและแก้ไขข้อมูล การตรวจสอบและการใช้งาน ใบขับขี่ Smart Card สามารถใช้กับเครื่องอ่านการ์ดที่เชื่อมต่อกับระบบคอมพิวเตอร์ ทำให้การตรวจสอบข้อมูลเป็นไปอย่างรวดเร็วและแม่นยำ ใบขับขี่ทั่วไปต้องใช้การตรวจสอบด้วยตนเอง ซึ่งอาจจะใช้เวลานานและมีโอกาสเกิดความผิดพลาด ความทนทาน ใบขับขี่ Smart Card มีความทนทานสูงกว่า ไม่เสี่ยงต่อการฉีกขาดหรือเสียหายจากน้ำ ใบขับขี่ทั่วไป ง่ายต่อการเสียหายและสึกกร่อนได้เร็วกว่า เนื่องจากทำมาจากกระดาษหรือพลาสติกทั่วไป ใบขับขี่สมาร์ทการ์ดใช้ได้กี่ประเทศ ใบขับขี่ Smart Card ของประเทศไทย ไม่สามารถใช้แทนใบขับขี่สากลได้ แต่จะใช้ได้กับ 10 ประเทศในอาเซียนเท่านั้น  ใบขับขี่ไทยใช้ได้กี่ประเทศ  อะไรบ้างดังนี้ ทั้งนี้ ใบขับขี่ไทยที่สามารถนำไปใช้ในประเทศที่กล่าวมาข้างต้น จะต้องเป็นแบบสมาร์ทการ์ดที่ระบุข้อมูลเจ้าของบัตรเป็นภาษาอังกฤษด้วย หากเป็นใบขับขี่แบบเก่า จะต้องดำเนินการขอรับใบขับขี่แบบสมาร์ทการ์ดเสียก่อน จึงจะสามารถนำไปใช้ในประเทศข้างต้นได้ อีกทั้งเจ้าของรถที่จดทะเบียนในประเทศไทย สามารถนำรถไปใช้ในกลุ่มประเทศอาเซียนได้ โดยจะต้องดำเนินการทางทะเบียนที่สำนักงานขนส่งที่รถคันนั้นจดทะเบียน เพื่อขอรับแผ่นป้ายทะเบียนภาษาอังกฤษสำหรับเข้ากลุ่มประเทศสมาชิก โดยเงื่อนไขการนำรถไปใช้ของแต่ละประเทศอาจแตกต่างกันไป เกิดอยากไปท่องเที่ยวในประเทศเพื่อนบ้านของเรา ก็ไม่ต้องไปทำใบขับขี่สากล ให้มันเสียเวลา อายุการใช้งานใบขับขี่สากลก็แค่ปีเดียว ด้วยรูปแบบใหม่เป็นบัตรพลาสติกซึ่งมีความคงทนถาวรกว่ารูปแบบเดิม มีความปลอดภัย น่าเชื่อถือ ด้วยเทคโนโลยีแถบข้อมูลแม่เหล็ก และเทคโนโลยี QR Code จัดเก็บข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมระบบบริหารจัดการด้านความปลอดภัยทางถนน เช่น รองรับการเชื่อมโยงข้อมูลผ่านระบบ GPS Tracking เป็นเครื่องมือในการบันทึกข้อมูลการขับรถ แต่ถึงจะมี ใบขับขี่สมาร์ทการ์ดแล้ว ไม่ใช่ว่าจะขับรถตามใจชอบได้นะ ควรศึกษากฏหมายจราจรของประเทศนั้น ๆ ซะก่อนอย่างเช่นประเทศที่พวงมาลัยซ้าย , ขับรถชิดขวา , และควรทำ ประกันการเดินทาง ติดตัวไว้ด้วย เพราะก็มีหลาย ๆ ประเทศที่มีความอันตรายบนท้องถนนเหมือนกัน และหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ให้กับเพื่อน ๆ ได้ไม่มากก็น้อย

  • 10 เมืองท่องเที่ยวกับการเดินทาง ที่ผู้หญิงคนเดียวก็เที่ยวเองได้

    Forbes Advisor ดำเนินการสำรวจจาก 60 เมืองใหญ่ทั่วโลก โดยให้คะแนนตามความระดับเสี่ยงตั้งแต่ 0-100 คะแนน ซึ่งเกณฑ์ในการในการชี้วัดมี 7 ประการ ได้แก่ ·         ความปลอดภัยในการเดินทาง คิดเป็นสัดส่วนคะแนน 20% ·         ความเสี่ยงในการก่ออาชญากรรม 17% ·         ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยส่วนบุคคล 17% ·         ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยทางสุขภาพ 17% ·         ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของโครงสร้างพื้นฐาน 10% ·         ความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ 10% ·         ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยทางดิจิทัล 9% ได้จัดอันดับ 10 ประเทศที่ปลอดภัยที่สุดในโลกไว้ ดังนี้ 1.  สิงคโปร์ ระดับความเสี่ยง 0.00 คะแนน สิงคโปร์ เมืองขนาดเล็กแต่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมที่หลากหลาย สวนที่สวยงามเรียงรายในเมือง แหล่งช้อปปิ้งและร้านอาหารมากมาย เพลิดเพลินไปกับการสำรวจเมืองด้วยการเดินเท้า เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์และลิ้มลองอาหารท้องถิ่น ด้วยกฎหมายที่เข้มงวดของประเทศสิงคโปร์นี้ สามารถท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดีโดยไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยใดๆ 2. โตเกียว – ญี่ปุ่น ระดับความเสี่ยง 10.72 คะแนน ญี่ปุ่นเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้หญิงที่อยากเดินทางคนเดียว โตเกียวเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ที่นำเอาวัฒนธรรมดั้งเดิม กับความร่วมสมัยมาผสมผสานกันได้แบบลงตัว รวมถึงร้านอาหารที่มีชื่อเสียง การเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่างๆก็สะดวกสบาย ปลอดภัย ด้วยคนท้องถิ่นที่เป็นมิตรและวัฒนธรรมที่น่าสนใจ รับรองว่าคุณจะประทับใจแน่นอน 3.   โตรอนโต – แคนาดา ระดับความเสี่ยง 13.60 คะแนน เมืองที่ใหญ่ที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุดในแคนาดา ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ มีสถานที่สวยๆ งามๆ น่าเที่ยวหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นน้ำตกไนแองการาที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาเหนือ, ซีเอ็นทาวเวอร์ หอคอยที่สูงที่สุดในโตรอนโต เมื่อขึ้นไปชมจะสามารถมองเห็นเมืองได้จากทุกมุมมอง, พิพิธภัณฑ์โรยัลออนตาริโอ หนึ่งในพิพิธภัณฑ์ชั้นนำที่มีการจัดแสดงนิทรรศการสำคัญจากทั่วโลก หรือคาซาโลมา คฤหาสน์และสวนสวยสไตล์โกธิคบนยอดเขา ซึ่งปัจจุบันเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์และบ้านประวัติศาสตร์ให้คนทั่วไปได้เข้าชม มีลักษณะเป็นปราสาทที่ตกแต่งภายในแบบคลาสสิก 4.   ซิดนีย์ – ออสเตรเลีย ระดับความเสี่ยง 22.28 คะแนน เมืองหลวงของรัฐนิวเซาท์เวลส์ในออสเตรเลีย เป็นเมืองที่มีชีวิตชีวาและสีสัน ทั้งด้านสถาปัตยกรรม ชายหาด และตลาดชุมชน โดยสถานที่โดดเด่นเชิญชวนให้ต้องไปเยือนนั้น มีตั้งแต่โอเปร่าเฮ้าส์ ซึ่งสวยงามด้วยสถาปัตยกรรมแห่งศตวรรษที่ 20 ได้รับเลือกเป็นมรดกโลก เมื่อปี ค.ศ.2007 จากองค์การยูเนสโก, ฮาร์เบอร์บริดจ์ สะพานโครงสร้างเหล็กขนาดมหึมา ที่ใช้เป็นโลเกชันจุดพลุฉลองศักราชใหม่ในทุกปี จนเป็นภาพจดจำของชาวโลก เวลาพูดถึงซิดนีย์ คนจึงมักนึกถึงที่นี่เป็นที่แรก จนถึงควีนวิกตอเรีย บิลดิ้ง สถาปัตยกรรมในยุคปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 ที่มีอายุกว่า 100 ปี ซึ่งงดงามเปรียบประดุจมงกุฎประดับอัญมณีล้ำค่าของเมืองนี้ และมหาวิหารเซนต์แมรี ที่ใหญ่ที่สุดในซิดนีย์และสูงที่สุดในออสเตรเลีย ซึ่งเลอค่าด้วยลักษณะสถาปัตยกรรมสไตล์โกธิค   5.   ซูริค – สวิตเซอร์แลนด์ ระดับความเสี่ยง 22.97 คะแนน มากันที่ฝั่งยุโรปกันบ้าง ความงดงามของสถาปัตยกรรมในเมืองซูริกจะทำให้คุณหลงใหล ที่นี่มีกิจกรรมให้ทำหลากหลายสามารถเดินทางไปชมวิถีชีวิตของชาวบ้านได้ มีเรื่องราวและประเพณีที่น่าสนใจมากมาย อย่าลืมไปลองทานอาหารท้องถิ่นแสนอร่อยที่จะทำให้คุณประทับใจ นอกจากนี้ยังเดินเล่นหรือขี่จักรยานเพื่อชมความงดงามของธรรมชาติได้อย่างสะดวกสบาย 6.  โคเปนเฮเกน – เดนมาร์ก ระดับความเสี่ยง 23.65 คะแนน ถือเป็นหนึ่งเมืองในฝันของนักเดินทางมาแต่ไหนแต่ไร โดยสถานที่สำคัญของเมืองนี้ที่พลาดชมไม่ได้มีหลายแห่ง เช่น พระราชวังอมาเลียนบอร์ก-พระราชวังฤดูหนาวของราชวงศ์เดนมาร์ก สร้างขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 18 โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์ร็อกโคโค และยังเป็นที่ตั้งของพระบรมรูปทรงม้าที่สวยที่สุดในโลกอีกด้วย, ศาลาว่าการเมืองโคเปนเฮเกน อาคารเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี ที่มีความงดงามและมีหอคอยสูงถึง 105.6 เมตร ตั้งตระหง่านขึ้นไปยังท้องฟ้า, โบสถ์เฟรเดอริกหรือโบสถ์หินอ่อนทรงโดมสีเขียว ที่สวยงามด้วยสถาปัตยกรรมแบบร็อกโคโคเช่นกัน มีจุดเด่นที่การใช้หินอ่อนเป็นวัสดุหลักในการก่อสร้าง  7.  โซล – เกาหลีใต้ ระดับความเสี่ยง 25.00 คะแนน ถ้าเคยไปเยือนโซล ประเทศเกาหลีใต้ คุณน่าจะเคยได้สัมผัสทางเท้าที่มีคุณภาพ และการข้ามถนนที่แสนสะดวกสบาย แถมยิ่งนานวัน ระบบการสัญจรของเมืองก็ยิ่งพัฒนาขึ้น จุดแข็งของเมืองคือการยอมรับในการเปลี่ยนแปลงที่จะทำให้เมืองพัฒนาขึ้น เราจึงได้เห็นการออกแบบสภาพแวดล้อมที่ทำให้พระราชวังเก่าอยู่ร่วมกับอาคารสำนักงานสมัยใหม่ได้อย่างกลมกลืน หรือกระทั่งอาคารล้ำสมัยท่ามกลางทงแดมุน ย่านช็อปปิ้งท้องถิ่น  อย่าง Dongdaemun Design Plaza ศูนย์กลางงานดีไซน์ที่ออกแบบโดย Zaha Hadid จนกลายเป็นหมุดหมายสำคัญของงานออกแบบในระดับโลก สร้างแรงบันดาลใจให้กับทั้งคนในท้องถิ่นเอง และเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้าใจบริบทของโซลกับงานดีไซน์ได้มากขึ้น 8.  โอซาก้า – ญี่ปุ่น ระดับความเสี่ยง 25.22 คะแนน โอซาก้า เมืองที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา และเสน่ห์อันหลากหลายรอให้นักท่องเที่ยวได้มาสัมผัส ที่โอซาก้าแห่งนี้มีสมญานามว่าเป็น ครัวของชาติ เนื่องจากเป็นศูนย์กลางการค้าข้าวของญี่ปุ่นมาตั้งแต่สมัยโบราณ จึงรับประกันได้เลยว่า โอซาก้า จะเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยอาหารแสนอร่อย และเป็นแหล่งรวมวัฒนธรรมสุดน่าสนใจอย่างแน่นอน ค้นพบอาหารรสเลิศ เปิดประสบการณ์อันน่าตื่นเต้น ไปกับที่เที่ยวสุดหลากหลาย 9.       เมลเบิร์น – ออสเตรเลีย ระดับความเสี่ยง 26.17 คะแนน เมลเบิร์นเมืองที่ไม่ใช่แค่น่าอยู่ แต่ยังเป็นเมืองที่น่าเที่ยวสุดๆ มีทุกอย่างที่ต้องการ ความเมือง ความธรรมชาติ ภูเขา ทะเล แม่น้ำ สัตว์ต่างๆ เดินทางง่าย สะดวกสบาย เวลาขับรถหรือนั่งรถผ่านเห็นสัตว์ตามข้างทางอยู่ตามธรรมชาติเต็มไปหมด ยิ่งถ้าได้เดินทางในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ยิ่งสวยเข้าไปอีก 10.  อัมสเตอร์ดัม เนเธอร์แลนด์ ระดับความเสี่ยง 29.07 คะแนน เมืองหลวงของเนเธอร์แลนด์-แดนดอกไม้และคูคลอง ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอัมสเติล ที่นี่อากาศสดชื่น เหมาะกับการเดินเล่นเพลินๆ นั่งเรือชิลๆ หรือไม่ก็ปั่นจักรยานสโลว์ไลฟ์ชมเมือง โดยสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลต์จะอยู่ที่จัตุรัสดัมสแควร์ ศูนย์กลางของเมืองที่ล้อมรอบไปด้วยแลนด์มาร์กสำคัญๆ หลายแห่ง, พิพิธภัณฑ์แห่งชาติอัมสเตอร์ดัม ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ และงดงามด้วยสถาปัตยกรรมแบบผสมผสานระหว่างโกธิคกับเรอเนสซองส์, พิพิธภัณฑ์แวนโก๊ะ ซึ่งจัดแสดงผลงานของวินเซนต์ แวนโก๊ะ ศิลปินก้องโลกที่ไม่มีใครไม่รู้จัก, หมู่บ้านกังหันลมโบราณ แล้วก็ตลาดขายดอกไม้ลอยน้ำ ที่มีดอกไม้หลากหลายสายพันธุ์ให้เลือกไม่หวาดไหว    ด้าน  กรุงเทพมหานคร  ถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 30 ซึ่งอยู่ตรงกลางพอดี  โดยดัชนีความเสี่ยงของไทยที่อยู่ระดับ 53.34 คะแนน   สำหรับ 10 อันดับ เมืองที่เสี่ยงอันตรายที่สุดในโลก ได้แก่ 1.       การากัส – เวเนซุเอลา ระดับความเสี่ยง 100.00 คะแนน 2.       การาจี – ปากีสถาน ระดับความเสี่ยง 93.12 คะแนน 3.       ย่างกุ้ง – เมียนมา ระดับความเสี่ยง 91.67 คะแนน 4.       ลากอส – ไนจีเรีย ระดับความเสี่ยง 91.54 คะแนน 5.       มะนิลา – ฟิลิปปินส์ ระดับความเสี่ยง 91.49 คะแนน 6.       ธากา – บังกลาเทศ ระดับความเสี่ยง 89.50 คะแนน 7.       โบโกตา – โคลอมเบีย ระดับความเสี่ยง 86.70 คะแนน 8.       ไคโร – อียิปต์ ระดับความเสี่ยง 83.44 คะแนน 9.       เม็กซิโกซิตี – เม็กซิโก ระดับความเสี่ยง 82.43 คะแนน 10.   กีโต – เอกวาดอร์ ระดับความเสี่ยง 82.02 คะแนน เลือกสถานที่เดินทางได้แล้ว ก็อย่าลืมเลือกกระเป๋าเดินทางดีๆ เบาๆ ให้เหมาะสมกับทริปด้วยนะ กดเบาๆตรงนี้ เลือกสินค้าได้เลยค่ะ

  • ขึ้นเครื่องบินครั้งแรก ทำไงดี!

    จะด้วยต้องไปเที่ยวกับเพื่อน ไปทำงาน หรือเรื่องใดๆก็แล้วแต่ มีเหตุต้องเดินทางขึ้นเครื่องบินครั้งแรกขึ้นมา ทีนี้ก็ว้าวุ่นเลยสิ ทำยังไงดีๆ วันนี้แอดมินเลยสรุปขั้นตอนมาฝาก จะได้มั่นใจก่อนการเดินทาง   1. จองตั๋วเครื่องบิน แน่นอน ขึ้นเครื่องบิน เราต้องจองตั๋วเครื่องบินก่อนอันดับแรก ปัจจุบันสายการบินมีให้เลือกอย่างหลากหลาย ราคาก็แตกต่างกันไป มีทั้งระดับ 5 ดาว หรือจะเป็นโลว์คอสต์ ก็มีให้เลือกตามกำลังทรัพย์ โดยวิธีการจองตั๋วก็มีหลายช่องทาง ทั้งจองผ่านหน้าเว็บไซต์ ผ่านทางตัวแทนจำหน่าย หรือจองผ่านเคาท์เตอร์เลยก็ได้ แล้วแต่จะสะดวกแบบไหน 2. การเช็คอิน บางครั้งการต่อคิวรอ การโหลดกระเป๋า เราไม่สามารถคาดเดาได้ว่าคนจะมากน้อยแค่ไหน หรือมีเหตุจำเป็นที่การเช็คอินล่าช้าเกิดขึ้นหรือไม่ แอดมินแนะนำให้มาถึงสนามบินก่อนเวลาบินสัก 2 ชั่วโมง และเมื่อมาถึงก็เพียงแค่เข้าไปเช็คอินในช่องเคาท์เตอร์ของสายการบินที่เราจองตั๋วเอาไว้ เอกสารที่ต้องเตรียมไว้ก็คือ Passport  หรือ บัตรประชาชน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบเอกสาร แล้วเราก็จะได้ Boarding pass มา ซึ่งในนั้นจะระบุเกี่ยวกับข้อมูลผู้โดยสาร เช่น ชื่อ-นามสกุล สายการบิน ประตูที่ขึ้น เวลาเครื่องออก เป็นต้น   3. การขึ้นเครื่อง หลังจากได้ Boarding pass มาแล้ว ให้สังเกตตรงคำว่า Gate ซึ่งก็คือประตูที่ต้องไปรอขึ้นเครื่อง ซึ่งระหว่างทางในสนามบิน จะมีป้ายบอกตลอดทาง ให้หมั่นสังเกตและไปตามทางเดิน ระวังหากพลาดเดินไปรอผิดประตู อดเที่ยวเลยงานนี้ ก่อนที่เครื่องจะขึ้น 30-40 นาที ก็จะมีพนักงานมาเรียกขึ้นเครื่อง ระหว่างนี้ต้องเตรียม Boarding pass และ Passport / บัตรประชาชน เพื่อให้พนักงานตรวจก่อนขึ้นเครื่อง หลังจากที่ขึ้นเครื่องแล้ว ให้ตรวจสอบที่นั่ง โดยดูจากใบ Boarding pass ของเรา คำศัพท์ควรรู้ในการขึ้นเครื่องบิน Boarding Pass = บัตรโดยสาร / ใบผ่านขึ้นเครื่อง Departure Time = เวลาเครื่องออกBoarding Time = เวลาขึ้นเครื่อง Departing = เครื่องออกจาก (สนามบิน) / เวลาออก Arriving = เครื่องถึงที่หมาย (สนามบิน) / เวลาถึง Gate = ประตูขึ้นเครื่อง   4. ถึงจุดหมาย เมื่อถึงจุดหมาย ก็ให้เพื่อนๆเดินตามป้าย Arrivals หรือ Immigration เพื่อเข้าสู่ด่านตรวจคนเข้าเมือง ของประเทศนั้นๆ โดยให้เพื่อนๆเตรียม Passport ให้พร้อม   5. รับกระเป๋า หลังจากที่ผ่านการตรวจของ ตม. มาแล้ว สายพานของสนามบิน สังเกตุป้าย หรือ หน้าจอรวม เพื่อดูว่าสายพานใด เป็นเลขไฟลท์การบินของเรา เพื่อรอรับกระเป๋าเดินทาง   ตอนนี้แหละ กระเป๋าเดินทาง จะละลานตาไปหมด ใครใช้กระเป๋าเดินทางสีแปลก หรือมีสัญลักษณ์โดดเด่นก็จะหาสัมภาระของตัวเองง่ายหน่อย แต่ถ้าหากเราเลือกใช้สีพื้น ให้ระมัดระวังการหยิบผิดใบ ตรวจสอบให้แน่ใจ ก่อนนำกลับที่พัก   หลังจากที่มั่นใจว่ากระเป๋าเดินทางเป็นของเรา ให้ตรวจสอบว่ากระเป๋าเดินทางมีอะไรเสียหายหรือไม่ หากเกิดการชำรุดจากการใช้งานผ่านสายการบิน เบื้องต้น แนะนำให้ทำเรื่องแจ้งทางสายการบินที่ใช้บริการทันที ทางสายการบินก็จะมีตัวเลือกของการชดเชยกระเป๋าใบใหม่ให้ หรือชดเชยมาเป็นเงิน จำนวนเงินที่ชดเชยขึ้นอยู่การรับประกันของแต่ละสายการบิน เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จขึ้นตอนการเดินทางโดยเครื่องบิน

  • ญี่ปุ่นออกกฏห้ามขับขี่ ‘กระเป๋าเดินทางไฟฟ้า’ ในสนามบิน

    เมื่อไม่นานมานี้ มีข่าวที่เป็นไวรัลไปทั่วบ้านทั่วเมือง เพราะมีหญิงสาวคนหนึ่งขับขี่ประเป๋าเดินทางบนถนน จนทำให้มีคนสงสัยถึงความปลอดภัย และกฏหมายข้อบังคับในประเทศไทย กระเป๋าเดินทางไฟฟ้าแบบขับขี่ได้ ทำให้ผู้โดยสารสามารถเดินทางไปมาในสนามบินหรือในเมืองต่างๆ ได้อย่างสะดวกสบาย โดยไม่ต้องลากกระเป๋าเดินทางหนักๆ ตาม และด้วยความนิยมนี้ ส่งผลให้ผู้ใช้งาน นำมาใช้งานแบบผิดๆ ด้วยการใช้แบบผิดกฎหมาย   ล่าสุด หญิงชาวจีนคือคนแรกที่ถูกส่งตัวไปยังอัยการในญี่ปุ่นเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เนื่องจากนำกระเป๋าเดินทางแบบขับได้ไปใช้บนทางเท้าในโอซากาแต่ไม่มีใบขับขี่  เดือนกรกฎาคม มีเด็กผู้ชายชาวอินโดนีเซียใช้กระเป๋าเดินทางแบบขับได้บนถนนย่านโดทงโบริ โอซากา ซึ่งมีคนหนาแน่น ครอบครัวของเด็ก แจ้งว่าเขาสามารถใช้ขับขี่ไปไหนก็ได้ในอินโดฯ แต่สำหรับในญี่ปุ่นถือว่าผิดกฎหมาย ญี่ปุ่นมีข้อห้ามในการใช้งานกระเป๋าเดินทางแบบขับขี่ได้ยังไง?  ภายใต้กฎหมายจราจรของญี่ปุ่น กระเป๋าเดินทางแบบขับขี่ได้นี้ถูกจัดอยู่ในประเภทรถจักรยานยนต์ (กระเป่าเดินทางไฟฟ้ามีแบตเตอรี่ในตัวและสามารถเดินทางด้วยความเร็ว 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ราคาประมาณ 100,000 เยนหรือประมาณ 23,000 บาท) กฎหมายดังกล่าวรวมถึงรถจักรยานยนต์ขนาดเล็กที่มีเครื่องยนต์ขนาด 50 ซีซีหรือเล็กกว่า ต้องมีการลงทะเบียนและติดกระจกมองหลัง มีสัญญาณไฟเลี้ยว ต้องสวมใส่หมวกกันน็อคและต้องมีประกันภัยความรับผิดชอบต่อบุคคลภายนอกด้วย ซึ่งก็สอดคล้องกับสถิติอุบัติเหตุในการใช้สกูตเตอร์ไฟฟ้าเริ่มมีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาและมีการให้ขับขี่ได้โดยไม่ต้องใช้ใบขับขี่ การใช้งานของผู้ขับขี่กระเป๋าเดินทางแบบขับได้ก็โดนวิพากษ์วิจาร์ณเช่นกันเมื่อขับผ่านคนที่กำลังเดินอยู่ในสนามบิน ขณะเดียวกันการใช้กฎหมายก็มีการวิจารณ์เช่นเดียวกันว่า ควรมีการจัดหมวดหมู่จักรยานใหม่หรือไม่เช่นกัน ญี่ปุ่นให้ใช้ได้แต่ต้องทำตามกฎ ส่วนสิงคโปร์แบนไม่ให้ใช้แล้ว นอกจากญี่ปุ่นที่ยังพอยืดหยุ่นให้ใช้ได้บ้างแต่ต้องทำตามกฎ แต่สำหรับสิงคโปร์แล้ว The Straits Times รายงานว่า ทาง Changi Airport Group ระบุว่า ห้ามไม่ให้มีการขับขี่กระเป๋าเดินทางในสนามบินชางงี เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารและผู้มาเยือน แต่ผู้โดยสารสามารถนำเป็นสัมภาระถือขึ้นเครื่องหรือโหลดใต้ท้องเครื่องได้ หากตรงตามคุณสมบัติที่กำหนด ซึ่งก็รวมถึงให้ถอดแบตเตอรี่ออกด้วยทาง Land Transport Authority (LTA) ระบุว่า สัมภาระหรือกระเป๋าเดินทางแบบติดเครื่องยนต์และสกูตเตอร์ไฟฟ้าคืออุปกรณ์เคลื่อนที่ส่วนบุคคล ไม่อนุญาติให้ใช้ขับขี่บนทางเท้าหรือถนนสาธารณะ ถ้าอยากนำมาใช้ก็ต้องเป็นไปตามกฎที่ LTA กำหนดไว้

  • เตือนภัยลูกค้าทุกท่าน !

    หากนำกระเป๋าเดินทางไปส่งซ่อมแล้วมีบุคคลนำกระเป๋าเดินทางของท่านไปซ่อมให้ โดยเก็บเงินสด หรือโอนเข้าบัญชีส่วนตัว โดยอ้างว่าซ่อมได้รวดเร็วด้วยเวลา 5-10 นาที #โปรดระวัง  อาจเกิดความเสียหายกับกระเป๋าเดินทางของท่านโดยการใช้อะไหล่ที่ไม่มีคุณภาพ หรือเกิดความเสียหายเพิ่มเติม อีกทั้งเสี่ยงถูกลักทรัพย์ โดยบริษัทไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหากท่านจ่ายเงินให้กับผู้อื่นแล้วเกิดความเสีหายต่างๆ จึงอยากขอเตือนภัยลูกค้าทุกท่าน ด้วยความห่วงใยจาก @blservice ช่องทางและระยะเวลาการส่งซ่อมสินค้า ลูกค้าสามารถเลือกส่งซ่อมได้ 4 ช่องทาง 1. ส่งซ่อมผ่านห้างสรรพสินค้า / จุดจำหน่ายบนห้างสรรพสินค้า ระยะเวลา 30-45 วัน​ 2. ส่งไปรษณีย์เข้าโรงงานปทุมธานี ระยะเวลา 2 สัปดาห์ 3. ส่งด้วยตนเอง ผ่านศูนย์ศรีย่าน ระยะเวลา 2 สัปดาห์ 4. ส่งด้วยตนเองที่โรงงานปทุมธานี ประมาณ 2-4 ชม. (รอรับกลับได้ กรณีนัดช่างล่วงหน้าก่อนเข้ารับบริการ) ​ ในกรณีที่เป็นสินค้านำเข้า อาจใช้เวลานานเกินกว่ากำหนด ลูกค้าที่นำสินค้ามาซ่อม จะต้องมารับสินค้าภายใน 30 วัน นับจากวันที่พนักงานขายโทรแจ้งให้มารับสินค้า หากพ้นระยะเวลาดังกล่าว จะถือว่าท่านได้สละสิทธิ์และทางบริษัท จะไม่รับผิดชอบ หากพ้นกำหนดดังกล่าว หากลูกค้าต้องการใช้กระเป๋าเดินทางด่วน ในช่วงระหว่างรอ ทางบริษัทมีกระเป๋าสำรองไว้บริการ โดยขอติดต่อรับบริการได้ที่ Luggage Care Center ​ ช่องทางติดต่อ Luggage Care Center ​ สอบถามราคาอะไหล่ และค่าซ่อมกระเป๋า  ​ แผนกซ่อม (Caggioni)บริษัท บูลไล้ท์ อุตสาหกรรม จำกัด 76 ม.1 ต.กระแชง อ.สามโคก จ.ปทุมธานี 12160 โทร. 088 022 0023 (คุณเมย์) Line ID : @blservice

  • How To การจองพื้นที่สำหรับกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ บนรถไฟชินคันเซน

    ตั้งแต่ปี 2019 JR Central ผู้ให้บริการรถไฟชินคันเซน ได้ประกาศว่าจะเพิ่มระบบใหม่ ระบบจองที่วางกระเป๋าสำหรับผู้โดยสารที่มี “กระเป๋าเดินทางหรือสัมภาระขนาดใหญ่พิเศษ” เพื่อเตรียมรับมือกับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น ในช่วงโตเกียวโอลิมปิกและพาราลิมปิก โดยระบบนี้จะเริ่มใช้ที่รถไฟชินคันเซนสาย Tokaido , Sanyo และ Kyushu สำหรับกระเป๋าหรือสัมภาระที่จัดอยู่ในหมวดหมู่ ‘ขนาดใหญ่พิเศษ’ คือสัมภาระที่มีความกว้าง ยาว และความหนารวมกันแล้วเกิน 160 ซม. แต่ล่าสุด (สค 2024) กลับมีรายงานข่าวจากผู้โดยสารชินคันเซ็นรายหนึ่ง พบว่า ที่วางกระเป๋าที่จองมา โดนคนอื่นเอากระเป๋ามาวางจนเต็ม แถมยังอัดแน่น จนไม่สามารถปรับเอนที่นั่งได้ สร้างความเดือดร้อน ทั้งๆที่มีกฎประกาศออกมาชัดเจนแล้ว   ดังนั้นเพื่อนๆนักเดินทาง หากต้องการจะเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่น และใช้บริการรถไฟชินคันเซน อาจจะกังวลว่ากระเป๋าที่เราใช้อยู่ต้องจองที่นั่งหรือไม่ บีแบค ได้สรุปขั้นตอนการเดินทางแบบเข้าใจง่ายมาให้แล้ว 1.เช็คเส้นทางการเดินทาง หากคุณวางแผนที่จะใช้เส้นทางชินคันเซ็นใดๆ ต่อไปนี้ คุณจะต้องจองที่นั่งพร้อมพื้นที่สำหรับกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ รถไฟชินคันเซ็นโทไคโด ที่เดินระหว่างโตเกียวและชินโอซาก้า และรวมถึงสถานีชินคันเซ็นในเกียวโต รถไฟชินคันเซ็นซานโย ที่เดินระหว่างชินโอซาก้าถึงฮากาตะ, ฟุกุโอกะและรวมถึงสถานีหิเมจิและฮิโรชิม่า รถไฟชินคันเซ็นคิวชู ที่เดินระหว่างฮากาตะถึงคาโกชิมะ ชูโอ ซึ่งครอบคลุมการเดินทางผ่านเมืองใหญ่ต่าง ๆ จาก Tokyo, Nagoya, Kyoto, Osaka, Hiroshima, Fukuoka, Kumamoto จนสุดสายที่ Kagoshima ส่วนเส้นทาง Shinkansen ที่เหลือ จะยังสามารถนำกระเป๋าใบใหญ่ขึ้นรถได้โดยไม่ต้องจองที่วางกระเป๋า 2. คำนวนขนาดกระเป๋า ว่านับเป็นใบใหญ่หรือไม่ โดยตามกฎระบุว่า กระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ (Oversized Baggage) คือกระเป๋าที่เมื่อรวม ความสูง + ความหนา + ความกว้าง เข้าด้วยกันแล้ว มีขนาดเกิน 160 เซนติเมตร ซึ่งหากเทียบเป็นความจุแล้ว จะมีประมาณกระเป๋าเดินทางขนาด 30 นิ้วที่ใบใหญ่หน่อย ซึ่งอันที่จริงตัวเลขดังกล่าวก็ใกล้เคียงกับขนาดกระเป๋าเดินทางใหญ่พิเศษที่กำหนดโดยสารการบินต่าง ๆ นั่นเอง ส่วนกระเป๋าที่มีขนาดเกิน 250 เซนติเมตร จะไม่ให้นำขึ้นรถไฟ ถ้าหากจำเป็นต้องเดินทางจริงๆก็สามารถใช้บริการขนส่งกระเป๋าแทนได้     ทาง JR Central ได้เตรียมพื้นที่สำหรับวางสัมภาระขนาดใหญ่พิเศษโดยเฉพาะไว้ให้แล้วบนรถไฟชินคันเซน ซึ่งบริเวณดังกล่าวจะอยู่ที่ด้านหลังของที่นั่งข้างหลังสุด หากใครที่ต้องการจะใช้พื้นที่นี้วางกระเป๋าเดินทาง จะต้องทำการจองเพื่อใช้บริการผ่านทางอินเทอร์เน็ต , เครื่องจำหน่ายตั๋ว หรือที่ช่องติดต่อสอบถามก่อนจะขึ้นรถซึ่งหากทำการจองมาก่อนแล้ว ก็จะไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียมใดๆ เพิ่ม แต่ถ้าหากนำสัมภาระขนาดใหญ่พิเศษขึ้นมาบนขบวนรถโดยที่ยังไม่ได้จอง จะต้องเสียค่าธรรมเนียมเป็นจำนวนเงิน 1,000 เยน 3. จองที่วางกระเป๋า สุดท้ายถ้าเดินทางในเส้นทางที่บอกไป และมีกระเป๋าใบใหญ่ ก็ต้องทำการจองที่วางกระเป๋าก่อนเดินทาง ซึ่งจำเป็นจะต้องจองที่นั่งแบบ Reserved seat แล้วแจ้งกับเจ้าหน้าที่ของ JR ว่าเรามีกระเป๋าขนาดใหญ่พิเศษ ที่เคาเตอร์ภายในสถานีรถไฟ หรือจองผ่านระบบ Online การจองตั๋วที่นั่งรถไฟชินคันเซ็นพร้อมพื้นที่สำหรับกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ จะรวมพื้นที่ที่จองไว้สำหรับกระเป๋าเดินทางของคุณโดยอัตโนมัติ นั้นหมายถึงคุณสามารถดำเนินการจองที่นั่งตามปกติและไม่จำเป็นต้องจองพื้นที่สำหรับจัดเก็บโดยเฉพาะ คุณสามารถจองที่นั่งและพื้นที่สำหรับกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ได้อย่างง่ายดาย ผ่านเครื่องจำหน่ายตั๋วที่สถานี JR ตามขั้นตอนต่อไปนี้: คลิก 'สำรองที่นั่งด้วยตั๋วคูปอง' ใส่บัตร JR Pass ของผู้โดยสารทุกคน เลือกเส้นทาง วันที่ และเวลา คลิก 'ยืนยัน' เมื่อคุณได้รับแจ้งว่า ‘จำเป็นต้องจองพื้นที่สำหรับกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่สำหรับเส้นทางนั้น’ คลิก 'ที่นั่งพร้อมพื้นที่สำหรับกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่' คลิก 'เลือกจากแผนผังที่นั่ง' เลือกขบวนและที่นั่งที่คุณต้องการ อย่าลืมรับบัตร JR Pass และตั๋วสำรองที่นั่ง สาย Tokaido-Sanyo จองที่เว็บ https://smart-ex.jp/en/lp/app/ สาย Kyushu จองที่เว็บ https://kyushurailpass.jrkyushu.co.jp/reserve/ โดยที่นั่งที่ได้จะอยู่ท้ายตู้โดยสารติดกับประตูขึ้น-ลงรถไฟ เพราะเป็นที่นั่งที่มีพื้นที่ว่างเยอะ สามารถนำกระเป๋าใบใหญ่ไปวางบนพื้นได้ ส่วนใครที่ไม่ได้จองไปก่อน จะต้องเสียค่าธรรมเนียม 1,000 เยน ต่อกระเป๋า 1 ใบ

  • สรุปสายการบินที่ไม่อนุญาตให้ “กระเป๋าเดินทางไฟฟ้า” ขึ้นเครื่อง

    แม้ว่ากระเป๋าเดินทางดังกล่าวจะได้รับความนิยมในกลุ่มนักเดินทางเป็นอย่างมาก แต่ก็มีกระเป๋าเดินทางบางรุ่น โดยเฉพาะรุ่นที่ใช้  “แบตเตอรี่ลิเธียม”  ที่ไม่สามารถถอดแยกออกจากตัวกระเป๋า ถูกจำกัดห้ามนำขึ้นเครื่องบิน เนื่องจากอาจเกิดระเบิดและเป็นอันตรายต่อผู้โดยสารและลูกเรือได้ สำหรับ “แบตเตอรี่ลิเธียม” เป็นแบตเตอรี่คุณภาพสูง มีพลังงานไฟฟ้าอยู่ในระดับสูง ถูกออกแบบมาเพื่อทำให้อุปกรณ์ต่างๆ สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายชั่วโมง แม้จะชาร์จแบตเพียงแค่ครั้งเดียว แต่ถ้าถูกบรรจุผิดวิธีหรือได้รับความเสียหายระหว่างการขนส่ง อาจทำให้เกิดการลัดวงจรและลุกไหม้ได้  บางสายการบินจึงมีมาตรการประกาศว่า   กระเป๋าเดินทางไฟฟ้า  บางรุ่นไม่สามารถนำขึ้นเครื่องได้ สาเหตุเพราะมีแบตเตอรี่ในตัวและไม่สามารถถอดออกได้ การบินไทย หรือ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ไม่อนุญาตให้นำกระเป๋าเดินทางไฟฟ้าขึ้นเครื่อง รวมถึงห้ามนำยานพาหนะขนาดเล็กทุกชนิดที่ขับเคลื่อนด้วยแบตเตอรี่ลิเธียมขึ้นเครื่องโดยเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นการถือขึ้นเครื่อง (Carry on) หรือสัมภาระลงทะเบียน (Checked Baggage) ที่ติดตั้งแบตเตอรี่ ที่มีกำลังไฟเกิน 2.7 วัตต์ โดยในที่นี้รวมถึงกระเป๋าที่มีมอเตอร์ขับเคลื่อน หรือมีลักษณะใกล้เคียงกัน และกระเป๋าเดินทางที่ขี่ได้ Motorize Baggage, Rideable Carry-On Baggage อีกด้วย อเมริกันแอร์ไลน์ (American Airlines) หรือ AAL มีประกาศขอตรวจสอบกระเป๋าไฟฟ้าอัจฉริยะของผู้โดยสาร และผู้โดยสารต้องนำแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ออกจากกระเป๋าก่อนขึ้นเครื่อง และจะถูกห้ามใช้งานตลอดการเดินทาง แต่ยังสามารถใช้งานภายในสนามบินและบริเวณโดยรอบได้ตามปกติ เดลต้าแอร์ไลน์ (Delta Air Lines) หรือ DAL ออกประกาศและมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 15 ม.ค. 2018 ให้ผู้โดยสารที่ใช้กระเป๋าเดินทางไฟฟ้าอัจฉริยะ ต้องถอดแบตเตอรี่ออกจากกระเป๋าก่อนเดินทางขึ้นเครื่อง อลาสกาแอร์ไลน์ (Alaska Airlines) หรือ ALK มีประกาศให้ผู้โดยสารนำแบตเตอรี่ออกจากกระเป๋าเดินทางไฟฟ้าอัจฉริยะก่อนขึ้นเครื่องเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะการนำสัมภาระขึ้นเครื่องแบบ Carry on อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ห้ามนำขึ้นเครื่องบิน นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อีกหลายอย่าง ที่เกือบทุกสายการบินมีประกาศห้ามนำขึ้นเครื่องเด็ดขาด โดยเฉพาะสิ่งของที่มีแบตเตอรี่ลิเธียมเป็นส่วนประกอบสำคัญ หรือวัตถุที่อาจเกิดประกายไฟได้ง่าย เช่น แบตเตอรี่สำรอง หรือ Power Bank ที่มีความจุไฟฟ้าไม่เกิน 32,000 mAh สามารถนำขึ้นเครื่องได้ไม่เกินคนละ 2 ชิ้น ยานพาหนะขนาดเล็กส่วนบุคคลที่ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมในการขับเคลื่อน เช่น สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า วัตถุไวไฟ หรือ วัตถุระเบิดทุกชนิด เช่น น้ำมันไฟแช็ก เชื้อเพลิงแข็ง เป็นต้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาระเบิดหรือเพลิงไหม้ สารอันตราย เช่น สารกำจัดแมลง สารหนู วัตถุออกซิไดซ์ แอมโมเนียมไนเตรท เป็นต้น แม้ว่า “กระเป๋าเดินทางไฟฟ้า” จะถูกห้ามนำขึ้นเครื่องจากบางสายการบิน แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีมีการพัฒนาไปไกลมากจนทำให้กระเป๋ารุ่นใหม่ๆ สามารถถอดแบตเตอรี่แยกออกจากตัวกระเป๋าได้ จะมีก็แค่เพียงกระเป๋ารุ่นเก่าบางรุ่นเท่านั้น ที่มีแบตเตอรี่ฝังกับตัวกระเป๋าไม่สามารถถอดออกได้ ทั้งนี้ทั้งนั้น การประกาศข้อห้ามดังกล่าวของสายการบิน ก็เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารส่วนรวม รวมถึงลูกเรือ และนักบินที่ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัดอีกด้วย ดังนั้นกรุณาปฏิบัติตามระเบียบของสายการบินที่เพื่อนๆใช้บริการ จะได้ปลอดภัยกับตนเองและเพื่อนร่วมเดินทาง

  • นับถอยหลังสู่โอลิมปิกและพาราลิมปิกเกมส์ ปารีสกับ 6 ประติมากรรม "VENUS DE MILO"

    ฝรั่งเศสเตรียมต้อนรับโอลิมปิก 2024 ที่ปารีส ซึ่งกำลังใกล้เข้ามาทุกขณะ ด้วยประติมากรรม Venus de Milo ‘วีนัส เดอ มิโล’ รูปปั้นเทพธิดาที่สวยงามที่สุด ชวนตื่นตากับการตกแต่งโดยจิตรกรชาวฝรั่งเศส Laurent Perbos  “ โลรองต์ เปร์โบส์” เป็นผลงาน Installation Art เวอร์ชันพิเศษแบบมีแขนครบและเต็มไปด้วยอุปกรณ์กีฬา ถูกจัดทำขึ้นไว้ที่ด้านหน้าขั้นบันไดของรัฐสภาฝรั่งเศส ปาเลส์บูร์บง ในกรุงปารีส เพื่อต้อนรับมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติอย่างโอลิมปิกเกมส์ ฤดูร้อน โดยแนวคิดที่ถูกนำมาออกแบบคือจะเป็นอย่างไรหากรูปปั้น วีนัส เดอ มิโล มีแขนและเล่นกีฬา ดังนั้นจึงออกมาเป็นการที่รูปปั้นทั้งหมดมีอุปกรณ์กีฬาแตกต่างกันออกไป ซึ่งแต่ละชิ้นแสดงสื่อถึง 6 กีฬาหลักของโอลิมปิก ได้แก่ บาสเก็ตบอล มวย พุ่งแหลน ยิงธนู กีฬาโต้คลื่น และเทนนิส   งานชิ้นนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากประติมากรรม  Venus de Milo  ที่มีฟิกเกอร์เป็นผู้หญิง ที่ทำจากเรซินอะคริลิกมาเป็นสัญลักษณ์เชิงเปรียบเทียบเชื่อมโยงกับกีฬาของผู้ชาย และสะท้อนถึงวิวัฒนาการของเกม ด้วยสีสันสดใสทีืเชื่อมโยงกับเฉดสีรุ้ง อันเป็นสัญลักษณ์ของสิทธิที่เท่าเทียมกัน   ประติมากรรมทั้งหมดนี้สร้างขึ้นโดย โลรองต์ เปร์โบส์ ศิลปินชาวฝรั่งเศส โดยจะถูกตั้งไว้ที่นี่ไปจนถึงวันที่ 22 กันยายนนี้   Notes: ผลงานดั้งเดิมของ Venus de Milo  หรือ  Aphrodite of Milos  ค้นพบเมื่อวันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2363 และจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ในปารีส ซึ่งรูปปั้นวีนัส เดอ มิโล เป็นหนึ่งในการตีความเทพธิดาที่สวยงามที่สุด เชื่อกันว่าเป็นผลงานของประติมากรโบราณนี้เป็นของอเล็กซานดรอสแห่งอันติออค เพื่อนๆท่านใด ได้มีโอกาสเดินทางไปเที่ยวฝรั่งเศส อย่าลืมแวะไปถ่ายภาพเช็คอินที่รูปปั้นวีนัส ด้านหน้าขั้นบันไดของรัฐสภาฝรั่งเศสด้วยนะ แต่อื่นใดกดเลือกซื้อกระเป๋าเดินทางสวยๆ แบรนด์แท้จากร้านบีแบค เป็นเพื่อนเดินทางไปเที่ยวจะดีงามมาก

  • ไอเดียเลือกกระเป๋าให้ผู้ชาย ไอเทมเด็ดถูกใจคุณแฟน

    หากซื้อของขวัญให้แฟนหนุ่มโดยไม่จำเป็นต้องสนใจเท่าที่ควรแล้วสถาบันชิ้นนั้นก็รวมถึงสิ่งธรรมดาๆ ที่ไม่มีความหมายและไม่สร้างความประทับใจให้กับอยากให้เป็น เหตุผลที่เข้าใจได้ในการเลือกของขวัญมีความสำคัญไม่แพ้ตัวของขวัญเลยเพราะจะช่วยให้แฟน ๆ ได้รับรู้ถึงความรับรู้ที่เราให้ด้วย แต่อะไรล่ะ? ที่จะนำเสนอที่ดีที่สุดสำหรับแฟนของเรา แอดมินมีตัวช่วยเลือกซื้อของขวัญให้แฟนมาแบ่งปัน ทีนี้เราจะมาดูแฟนของคุณเป็นวิธีธรรมชาติที่ต้องดูวิถีชีวิตของเขาก่อนอื่น 1. หนุ่มออฟฟิศออฟฟิศทำงาน สาวอย่าเพิ่งเข้าใจผิดว่าเวลาผู้ชายทำงานเค้าไม่มีกระเป๋านะ หนุ่มๆ สำนักงาน มักจะชอบแต่งตัวแบบกึ่งทางการถ้าคุณเป็นแฟนชอบทำงาน จะต้องให้ความสนใจ เลือกของขวัญการทำงานของเขาเป็นหลัก เช่น กระเป๋าใส่นิสสันที่มีดีไซน์สวยและมีฟังก์ชั่นการทำงานได้หรือกระเป๋าใส่โน้ตบุ๊กการเดินทางไปพรีเซนต์งานฟังก์ชั่นและอาหารที่ดีที่ดี 2. หนุ่มๆ ในตอนเช้า Sportswear แฟนใครชอบออกกำลังกายคุณน่าจะโชคดีมากเลยเพราะนอกจากจะแฟนที่หุ่นฟิตแอนด์เฟิร์มและสุขภาพดีแล้วคนส่วนมากมักจะเป็นห่วงเป็นใยกับสุขภาพของคนรอบข้างที่ตัวคุณด้วย ลองนึกถึงของขวัญที่เพอร์เฟกต์ที่สุดที่นี่ส่วนใหญ่เป็นไปไม่ได้เพื่อตรวจสอบกระเป๋าเอว คาดอกดีๆสักใบควบคุมแบบกันน้ำกันเหงื่อใส่ขวดน้ำได้มีแรงกระแทกที่อาจใช้เวลาออกกำลังกายกลางแจ้งหรือเวลากลางคืนจะ อย่างปลอดภัยให้คุณติดตามไปด้วยกัน   3.หนุ่มสายลุยแอดเวนเจอร์เลิฟเวอร์ เจาะลึกๆชอบเที่ยวแนวแอดเวนเจอร์ปีนภูเขา บุกป่าฝ่าดง นอนกลางดินกินกลางป่า ส่องนกดูดิน ไปเที่ยวแบบต่างๆๆนี่ขอให้กลุ่มบอกเล่าในลักษณะตั้งแคมป์ Style ชอบใส่กางเกงคาร์โก้หรือกางเกงทหาร เพราะถือกางเกงสารพัดประโยชน์เพราะทนทานโดดเด่นเรื่องกระเป๋าที่เยอะจุใจ กระเป๋าแบคแพค (Backpack) ตามหากลิ่นคู่ใจและความจำเป็นที่สำคัญของสำรวจสายลุยที่สามารถทำได้ตอบโจทย์ได้ทำตามคำสั่ง ที่ใส่ของได้เยอะมากๆ สายพวงกุญแจสามารถอ่านได้สามารถตรวจสอบหลังมีตำนานเพื่อให้กระชับได้ในสะพายเป้แล้วจะได้ประสิทธิภาพในการเที่ยวอลูมิเนียม 4. หนุ่มๆ เรียบง่ายในมินิมอล เรียบง่ายตามสไตล์เกาหลีหนุ่มๆกับลุค Korean Minimal โดยหัวใจหลักของสไตล์นี้คือรูปแบบภายนอก เน้นสีที่ไม่ฉูดฉาด ภายนอกสีสันเล็กน้อยในการจัดจ้านมากก็ไปที่สี Earth Tone โทนสีเทาสี ขาวทั้งชุด ลุคเกาหลีเกาใจ ลองค้นหากระเป๋าที่ไม่เน้นไปที่แต่ใช้โทนสีช่วยให้ชุดธรรมดาดูเพิ่มเติมได้ที่จุดเริ่มต้นแบบที่จุดเริ่มต้นเน้นประโยชน์ใช้สอยที่ลงตัวขนาดพอเหมาะไม่เทอะทะจนเกินไปช่วยส่งเสริมให้แฟนของคุณให้ ออร่าเปล่งประกายมากขึ้น 5. หนุ่มแฟชั่นสายสตรีท นับสไตล์ที่ไม่เน้นรูปแบบหรือพิธีรีตองมักจะเน้นไปที่แนวสบายๆ ใส่ได้อย่างสบายๆ สไตล์ทั่วไปในลักษณะของอัตลักษณ์ของแต่ละบุคคลแต่ การแต่งกาย แนวถนน แบบนั้นจะบอกว่าเป็นอีกแนวการแต่งตัวที่ถ้าจัดเต็มราคาไม่เบาเลยที่นี่สามารถนำมามิกซ์และแมชท์ได้หลากหลาย บางทีกระเป๋าเองก็ไม่มีแบบแผนตายตัวเหมือนกันเลือกจากสไตล์ที่ชอบเป็นหลักใบใหญ่เล็ก กระเป๋าสะพายข้างกระเป๋าคาดเอวหรือกระเป๋าก็ลงตัวได้หมด   6. หนุ่มเซอร์สไตล์วินเทจ แต่เก่าแก่แต่ไม่แก่! ด้วยสไตล์ วินเทจ นับเป็นหนึ่งในสไตล์ที่เหนือกาลเวลาในยุคสมัยไหนเราก็พบเห็นได้ตามปกติที่สไตล์ที่น่าดึงดูดเฉพาะตัวสูงเท่านั้นเนรมิตรสะท้อนแสงไปที่นั่นหรือกึ่งทางการก็ได้... อย่าลืมลุคนี้การแต่งกายก็จะเน้นโทนสีหม่นโดยไม่จำเป็นหรือสีสัน คอมพลีคลุคได้ด้วยกระเป๋า crossbody สีเรียบๆ ขนาดกำลังพอเหมาะพอดีดูแต่ไม่เยอะจนเกินไปใส่แท๊บบาลาได้ใส่กระเป๋าสตางค์ใบโปรดได้แค่นี้ก็ลงตัวแล้ว   และทั้งหมดนี้ก็คือไอเดียดี ๆ สำหรับการนำเสนอของขวัญให้แฟนข้างกายหากสาว ๆ คนไหนที่ลังเลอยู่แล้วล่ะก็ลองนำไอเดียทานอาหารได้เลยรับรองว่าเก๋คุณแฟนต้องชอบถูกใจแน่นอน

  • ไอเดียเลือกกระเป๋าให้ผู้ชาย ไอเทมเด็ดถูกใจคุณแฟน

    หากซื้อของขวัญให้แฟนหนุ่มโดยที่ไม่ได้สนใจเท่าที่ควรแล้ว ของขวัญชิ้นนั้นก็จะกลายเป็นเพียงสิ่งของธรรมดาๆ ที่ไม่ได้มีความหมาย และอาจไม่สร้างความประทับใจอย่างที่อยากให้เป็น ดังนั้น ขั้นตอนและวิธีการในการเลือกของขวัญ จึงมีความสำคัญไม่แพ้ตัวของขวัญเลย เพราะจะเป็นการแสดงออกให้คุณแฟนได้รับรู้ถึงความเอาใจใส่ที่เรามีให้ด้วย แต่อะไรล่ะ? ที่จะเป็นของขวัญที่ดีที่สุดสำหรับแฟนของเรา แอดมินมีตัวช่วยเลือกซื้อของขวัญให้แฟนมาแบ่งปัน ทีนี้เรามาดูกันว่าแฟนของคุณเป็นแบบไหน ก่อนอื่นต้องดูไลฟ์สไตล์ของเขาเป็นหลักก่อนนะ 1.  หนุ่มออฟฟิศ มุ่งมั่นทำงาน สาว ๆ อย่าเพิ่งเข้าใจผิดว่าเวลาผู้ชายทำงานเค้าไม่มีกระเป๋านะ  หนุ่มๆออฟฟิศ มักชอบแต่งตัวแบบกึ่งทางการ หากแฟนคุณเป็นคนที่ชอบทำงาน ไม่ค่อยมีงานอดิเรก ก็น่าจะเลือกของขวัญที่เกี่ยวกับการทำงานของเขาเป็นหลัก อย่างเช่น กระเป๋าใส่แท็บเล็ตที่มีดีไซน์สวยและมีฟังก์ชันเก็บของได้ครบครัน หรือกระเป๋าใส่โน้ตบุ๊กที่ช่วยให้การเดินทางไปพรีเซนต์งานง่ายขึ้น ก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดี 2.  หนุ่มนักกีฬา  สไตล์ Sportswear แฟนใครชอบออกกำลังกาย คุณเป็นคนที่โชคดีมากเลย เพราะนอกจากจะมีแฟนที่หุ่นฟิตแอนด์เฟิร์ม และสุขภาพดีแล้ว ตัวเขาก็มักจะเป็นห่วงเป็นใยกับสุขภาพของคนรอบข้าง โดยเฉพาะตัวคุณด้วย   ตัวเลือกของขวัญที่เพอร์เฟกต์ที่สุด ก็คงจะเป็นอะไรไปไม่ได้ นอกจากกระเป๋าคาดเอว คาดอกดีๆสักใบ เลือกแบบกันน้ำ กันเหงื่อ ใส่ขวดน้ำได้ มีแถบสะท้อนแสง เผื่อเวลาออกกำลังกายกลางแจ้ง หรือเวลากลางคืนจะได้เซฟความปลอดภัยให้คุณแฟนไปด้วย   3.  หนุ่มสายลุย แอดเวนเจอร์เลิฟเวอร์ ผู้ชายลุยๆ ชอบเที่ยวแนวแอดเวนเจอร์ ปีนภูเขา บุกป่าฝ่าดง นอนกลางดิน กินกลางป่า ส่องนก ดูพระอาทิตย์ตกดิน ไปเที่ยวแบบลำบากๆนี่ขอให้บอก กลุ่มนี้จะแต่งตัวลุค Camping Style  ชอบใส่กางเกงคาร์โก้ หรือกางเกงทหาร เพราะถือเป็นกางเกงสารพัดประโยชน์เพราะทนทาน โดดเด่นเรื่องกระเป๋าที่เยอะจุใจ กระเป๋าเป้แบคแพค (Backpack) ถือว่าเป็นไอเทมคู่ใจและเป็นสิ่งที่จำเป็นของนักเดินทางสายลุยเป็นอย่างมาก สามารถตอบโจทย์ได้ตรงตามไลฟ์สไตล์ เรียกได้ว่าใบเดียวก็เที่ยวได้ถึงไหนถึงกัน หากระเป๋าเป้ดีๆ ภายในกระเป๋า เลือกที่ใส่ของได้ค่อนข้างเยอะ ๆ  สายกระเป๋าเป้สามารถปรับระดับได้พอดีกับหลัง มีสายรัดอกเพื่อให้กระชับ เมื่อสะพายเป้แล้วจะได้มีความคล่องตัวในการเที่ยวมากยิ่งขึ้น 4.  หนุ่มเรียบง่าย สไตล์มินิมอล เรียบง่ายตามสไตล์หนุ่มเกาหลีกับลุค Korean Minimal โดยหัวใจหลักของสไตล์นี้ก็คือรูปแบบภายนอก เน้นสีที่ไม่ฉูดฉาด อาจจะมีสีสันหน่อย ๆ แต่ไม่จัดจ้านมาก หรือไม่ก็ไปทางสี Earth Tone โทนสีเบจ สีขาวทั้งชุด ลุคเกาหลีเกาใจ ลองมองหากระเป๋าที่ไม่เน้นลวดลายแต่ใช้โทนสีช่วยให้ชุดธรรมดาดูมีอะไรขึ้นมา  เลือกแบบที่ฟังก์ชั่นด้านใน เน้นประโยชน์ใช้สอยที่ลงตัว ขนาดพอเหมาะ ไม่เทอะทะจนเกินไป จะได้ช่วยส่งเสริมบุคลิกของคุณแฟนให้ออร่าเปล่งประกายมากขึ้น 5.  หนุ่มแฟชั่น สายสตรีท นับเป็นอีกหนึ่งสไตล์ที่ไม่เน้นรูปแบบหรือพิธีรีตองมากนัก ส่วนมากจะเน้นไปที่แนวสบายๆ สวมใส่ในชีวิตประจำวันแบบทั่วไป นับเป็นสไตล์ที่สามารถบ่งบอกอัตลักษณ์ของแต่ละบุคคลได้เป็นอย่างดี แต่ การแต่งตัวแนวสตรีท  เห็นแบบนี้บอกเลยว่าเป็นอีกแนวการแต่งตัวที่ถ้าจัดเต็ม ๆ ราคาไม่เบาเลย แต่ก็สามารถนำมามิกซ์แอนด์แมชท์ได้หลากหลาย อีกทั้งรูปแบบของกระเป๋าเองก็ไม่มีแบบแผนที่ตายตัว อาจจะเลือกจากสไตล์ที่ชอบเป็นหลัก ไม่ว่าจะใบใหญ่ ใบเล็ก กระเป๋าสะพายข้าง กระเป๋าคาดเอว หรือกระเป๋าเป้ก็ลงตัวได้หมด   6.   หนุ่มเซอร์ สไตล์วินเทจ เก่าแต่เก๋า เก่าแต่ไม่แก่! ด้วยสไตล์ Vintage นับเป็นหนึ่งในสไตล์ที่เหนือกาลเวลา ไม่ว่ายุคสมัยไหนเราก็ต่างพบเห็นได้อยู่เสมอ นับเป็นสไตล์ที่มีเสน่ห์ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสูง ไม่ว่าจะเนรมิตรลุคไปในลักษณะที่เป็นทางการหรือกึ่งทางการก็ได้เช่นกัน ลุคนี้การแต่งตัวก็จะเน้นโทนสีหม่น ๆ ไม่มีลวดลายหรือสีสัน คอมพลีคลุคได้ ด้วยกระเป๋า crossbody สีเรียบๆ ขนาดกำลังพอเหมาะ ดูคล่องตัวแต่ไม่เยอะจนเกินไป ใส่แท๊บเล็ตได้ ใส่กระเป๋าสตางค์ใบโปรดได้ แค่นี้ก็ลงตัวแล้ว   และทั้งหมดนี้ก็คือไอเดียดี ๆ สำหรับการซื้อของขวัญให้แฟนหนุ่มข้างกาย หากสาว ๆ คนไหนที่กำลังลังเลอยู่ล่ะก็ ลองนำไอเดียเหล่านี้ไปใช้ได้เลย รับรองว่าเก๋ คุณแฟนต้องชอบ ถูกใจแน่นอน

  • สคบ. ประกาศ แกะดูสินค้าก่อนได้ แล้วค่อยจ่ายเงิน สินค้ามีปัญหา ขอคืนเงินได้

    สคบ.  เตรียมออกกฎหมายใหม่  'แกะดูสินค้าก่อนได้ แล้วค่อยจ่ายเงิน'  ในเดือนกรกฎาคม 2567 เพื่อคุ้มครองผู้บริโภค ที่ชอบ ซื้อสินค้าออนไลน์  แบบเก็บเงินปลายทาง แล้วได้ ของไม่ตรงปก  หากพบสินค้ามีปัญหา ขอคืนเงินได้ภายใน 5 วัน ประชาชนจำนวนมากได้สะท้อนความเดือดร้อนจากการสั่งซื้อสินค้าผ่านระบบออนไลน์หรือแอพพลิเคชั่นช้อปปิ้งออนไลน์ มายังสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เช่น ผู้บริโภคไม่ได้สั่งซื้อสินค้าแต่มีพัสดุจัดส่งไปยังที่บ้าน โดยมีการเรียกเก็บเงิน ณ ที่จัดส่งปลายทาง   กรณีที่ผู้บริโภคสั่งซื้อสินค้าแล้วเกิดปัญหาในรูปแบบต่างๆ แต่กลับไม่สามารถติดต่อผู้ขายได้ หรือติดต่อได้แต่ไม่ได้รับการแก้ไข นอกจากนี้ยังมีกรณีที่ผู้บริโภคเลือกชำระเงินค่าสินค้าโดยการเก็บเงินปลายทาง แต่เมื่อเกิดปัญหากลับไม่ได้รับเงินคืน เนื่องจากผู้ให้บริการขนส่งสินค้าให้เหตุผลว่า จ่ายเงินให้กับผู้ขายสินค้าไปแล้ว ทำให้ผู้บริโภคได้รับความเสียหาย   เพื่อแก้ปัญหาให้กับผู้บริโภค ล่าสุดคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา ภายใต้ สคบ. ได้มีมติเห็นชอบร่างประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา ‘เรื่องให้ธุรกิจการให้บริการขนส่งสินค้าโดยเรียกเก็บเงินปลายทางเป็นธุรกิจที่ควบคุมรายการในหลักฐานการรับเงิน พ.ศ. ….’ ซึ่งจะลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา กรกฎาคมนี้   กฎหมายฉบับนี้จะช่วยแก้ปัญหาให้นักช้อปออนไลน์โดยการใช้ “มาตรการส่งดี (Dee-Delivery)” ให้ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้า ต้องระบุรายละเอียดเกี่ยวกับผู้ส่งสินค้าและผู้ประกอบธุรกิจ ชื่อ-สกุลผู้รับเงินพร้อมหมายเลขติดตามพัสดุ   พร้อมกำหนดให้ผู้ให้บริการขนส่งสินค้าถือเงินค่าสินค้าเป็นระยะเวลา 5 วันก่อนนำส่งเงินให้กับผู้ขาย เพื่อให้ผู้บริโภคมีโอกาสแจ้งเหตุที่ขอคืนสินค้าและขอเงินคืน นอกจากนี้ ยังให้สิทธิผู้บริโภคสามารถเปิดดูสินค้าก่อนชำระเงินได้ โดยหากพบว่ามีปัญหาตามที่กล่าวมา ผู้บริโภคสามารถปฏิเสธการชำระเงินและไม่รับสินค้าได้ 8 วิธี ดูว่าร้านออนไลน์ไหนเป็นมิจฉาชีพ 1.      ขายสินค้าถูกกว่าท้องตลาด 2.      ใช้รูปที่ไม่ใช่รูปจริงของสินค้า 3.      หลอกล่อให้โอนเงินค่าสินค้าโดยเร็ว 4.      ไม่มีหลักฐานที่น่าเชื่อถือเพียงพอ ทั้งเครดิต ร้าน หรือรีวิวร้านค้า 5.      เปลี่ยนข้อมูลการติดต่อที่ไม่ซ้ำกันบ่อยครั้ง ทำให้ยากต่อการติดตาม 6.      แอบอ้างเป็นตัวแทน ในการซื้อ ขายสินค้าและ บริการ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ 7.      การสั่งซื้อ หรือจัดส่ง มีวิธีการที่ไม่ชัดเจน 8.      เมื่อผู้ซื้อทำรายการซื้อสำเร็จ ผู้ขายจะปิด ช่องทางการติดต่อทุกช่องทาง สำหรับการสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางแชทต่างๆ อาจจะดูไม่น่าเชื่อถือ ผู้ซื้อ สามารถเช็กชื่อบัญชีโกง หลอกขายของออนไลน์ ถ้าตรงกันห้ามโอนเด็ดขาด Blacklistseller ฉลาดโอน   บริษัท บลูไล้ท์อุตสาหกรรม จำกัด และ บริษัท บลู คอนเนคชั่น จำกัด เป็นผู้ผลิต และตัวแทนจำหน่ายสินค้าอย่างเป็นทางการ โดยมีแบรนด์ในเครือ ดังนี้  คาจิโอนี่ (Caggioni), แคทเธอร์พิลลาร์ (Caterpillar), แอคโคแล็ค (Echolac), จิโอกราเซีย โปโลคลับ (Giogracia Polo Club), เมนโดซา (Mendoza), ไอที ลักเกจ (IT Luggage) และ แวนเดอร์ สกาย (Wander Skye)   จัดจำหน่ายสินค้าผ่านชื่อร้าน บีแบคช้อป (bbag shop) เห็นโลโก้นี้ เชื่อใจได้ว่า ของแท้แน่นอน ไม่ต้องกลัวการถูกฉ้อโกงออนไลน์   สั่งได้เลย . . www.bbag.co.th

  • 10 อันดับ ประเทศสถาปัตยกรรมที่สวยที่สุดในเอเชีย ปี 2024

    เว็บไซต์ Insiders Monkey ยกประเทศไทยเป็นอันดับ 2 ที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยที่สุดในเอเชีย ปี 2024 ส่วนอันดับอื่นๆ จะมีอะไรอีกบ้าง ไปดูกันเลยยยย การจัดอันดับดังกล่าวไทยเป็นรองเพียงประเทศจีน ที่มีพระราชวังต้องห้ามเป็นสถาปัตยกรรมสำคัญ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง ในการจัดอันดับในครั้งนี้ เพราะนอกจากจะสนับสนุน และดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกในการตัดสินใจมาท่องเที่ยวประเทศไทยมากขึ้น ยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวย่านเมืองเก่า ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีอีกด้วย ทั้งนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จะมีการเตรียมพร้อมและให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำรวจแหล่งท่องเที่ยวที่สามารถจะปรับปรุง และส่งเสริมให้แหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ในประเทศไทยสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ตลอดเวลา ทั้งสิ่งอำนวยความสะดวก ความปลอดภัย ให้ได้มาตรฐาน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น

  • 10 ข้อควรระวัง เที่ยวหน้าฝน ให้สนุกและปลอดภัย

    30 | 06 | 2567 เตรียมตัวเที่ยวฤดูฝน ให้ทริปสนุก เดินทางได้อย่างปลอดภัย ฤดูฝนเป็นฤดูที่ยาวนานที่สุดของประเทศไทยเลยก็ว่าได้ ระยะเวลาประมาณ 5-6 เดือนตั้งแต่ช่วง พฤษภาคม-พฤศจิกายน ก่อนจะก้าวเข้าสู่หน้าหนาวในช่วงปลายปีนั่นเอง เพราะฉะนั้นฤดูฝนยังอยู่กับเราไปอีกนาน เรามาปรับตัวให้เข้ากับฤดูฝน หาโอกาสออกเดินทางไปพักผ่อน เที่ยวชมธรรมชาติสีเขียวในหน้าฝน ขึ้นไปดูทะเลหมอก สูดอากาศดี ๆ สัมผัสอากาศเย็นสบาย เล่นน้ำตก ชมธรรมชาติ คงจะเป็นอะไรที่ดีต่อใจมากจริง ๆ ช่วงเดือนนี้เป็นช่วงที่พายุเข้า ฟ้าฝนแปรปรวน การเดินทางออกไปเที่ยวอาจจะลำบากกว่าเดิม เพราะสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจ การที่เราออกไปข้างนอกบ้านแล้วเจอกับทั้งถนนเปียก รองเท้าเลอะ เสื้อผ้าไม่แห้ง สิ่งเหล่านี้อาจจะทำให้การเที่ยวของเราหมดสนุกได้  แต่ไม่เป็นไร เพราะวันนี้เรามี 10 ข้อควรระวังเที่ยวหน้าฝน มาฝาก 1. หมั่นตรวจเช็คสภาพอากาศเป็นระยะ ๆ เที่ยวหน้าฝนสำคัญที่สุดคือ ต้องเช็กสภาพอากาศกันก่อน ก่อนการออกเดินทางและระหว่างการเดินทาง ควรตรวจสอบสภาพอากาศเป็นระยะ ๆ เพื่อให้แน่ใจว่า เราสามารถไปเที่ยวที่นั้น ๆได้หรือไม่ ดูพยากรณ์อากาศแล้ว พบว่ามีฝนตกปรอยๆ ธรรมดา อย่างน้อยก็จะได้รู้ตัวล่วงหน้าเวลาขับรถบนถนนลื่นๆ ก็ต้องใช้ความระมัดระวังเพิ่มมากขึ้น  แต่ถ้าไม่มั่นใจว่าจะสามารถเที่ยวได้อย่างปลอดภัยไหม อาจจะโทรศัพท์ไปสอบถามสภาพอากาศกับเจ้าหน้าที่ในแหล่งท่องเที่ยวนั้นๆ ด้วย เช่น อุทยานแห่งชาติต่างๆ มักจะมีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ตามหน่วยงานที่รับผิดชอบในสถานที่นั้นโดยตรง ถ้ายังไม่เคยมีประสบการณ์ในการเดินทางช่วงหน้าฝน ต้องระวังสภาพอากาศ เพราะภูมิอากาศหน้าฝนอาจเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็ว อาจมีฝนตกหนัก ฟ้าคะนอง หรือพายุ ซึ่งอาจทำให้เราต้องปรับแผนการเดินทางหรือย้ายที่เที่ยวเพื่อความปลอดภัยในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง เพราะฉะนั้นควรตรวจเช็คสภาพอากาศก่อนเที่ยวอันนี้สำคัญมากจริง ๆ     2. หาข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว เลือกสถานที่ท่องเที่ยวควรเลือกให้เหมาะสมกับฤดูกาลท่องเที่ยวของสถานที่นั้น ๆ ว่าเหมาะสมจะมาเที่ยวในฤดูฝนหรือไม่ ? ควรทำการบ้านหาข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่างๆ ก่อนไปเที่ยวเสมอ ศึกษารายละเอียดของสถานที่ที่จะเดินทางไปว่าตั้งอยู่ไหน เดินทางไปอย่างไรถึงจะสะดวก ควรเช็กเส้นทางที่จะเดินทางไปเที่ยวว่าเส้นทางนั้นอยู่ระหว่างการก่อสร้าง หรือเป็นทางขาดเนื่องจากพายุฝนหรือไม่ รวมถึงศึกษาสภาพแวดล้อมต่างๆ นอกจากนี้ควรบันทึกเบอร์โทรศัพท์ เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินระหว่างเดินทางเอาไว้  เช่น กรมทางหลวง 1586 , ตำรวจทางหลวง 1193 , ศูนย์ปลอดภัยคมนาคม 1356 , ตำรวจท่องเที่ยว 1195 , ศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว 1155 , ศูนย์นเรนทร (แจ้งป่วยฉุกเฉิน) 1669 , ศูนย์ควบคุมการจราจร 1197 รวมถึงเบอร์ประกันภัยรถยนต์   3. เลือกที่พักให้เหมาะกับฤดูฝน การเลือกสถานที่ที่ปลอดภัยในช่วงฤดูฝนจึงเป็นสิ่งสำคัญ ต้องเลือกที่พักให้เหมาะสมกับสภาพอากาศ พิจารณาถึงปลอดภัยและเหมาะสม  เลือกที่พักที่ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยว คำนึงถึงระยะทางและเวลาที่ต้องการใช้ในการเดินทางไปสถานที่ท่องเที่ยว ในกรณีที่มีการตั้งแคมป์ ไม่ควรอยู่ใกล้แหล่งน้ำมากเกินไป หรือบริเวณหุบเขาที่เคยเป็นช่องทางน้ำไหล เพราะในเวลากลางคืน อาจจะมีน้ำป่าไหลหลากลงมาได้ อีกทั้งสัตว์ป่าโดยเฉพาะสัตว์ล่าเหยื่อจะชอบมากินน้ำยามค่ำคืน ส่วนเป้ที่ใช้ในการเดินป่าควรเป็นเป้ที่กันน้ำได้ อย่าลืมติดต่อที่พักก่อนถึงวันเดินทาง เพื่อยืนยันรายละเอียดการจองและสอบถามสภาพอากาศ ในกรณีที่มีการตั้งแคมป์ ไม่ควรอยู่ใกล้แหล่งน้ำมากเกินไป หรือบริเวณหุบเขาที่เคยเป็นทางน้ำ เพราะในเวลากลางคืน อาจจะมีน้ำป่าไหลหลาก อีกทั้งสัตว์ป่าโดยเฉพาะสัตว์ล่าเหยื่อจะชอบมากินน้ำยามค่ำคืน   4. เตรียมเสื้อผ้าเบาสบาย แห้งง่าย แนะนำว่าอย่าเอาของแต่งตัวไปเยอะเกินความจำเป็น เลือกชุดที่ใส่สบาย เนื้อผ้าบาง แห้งเร็ว เช่น ผ้าฝ้าย ผ้าร่ม เป็นต้น ควรหลีกเลี่ยงพวกผ้ายีนส์ ถึงแม้จะดูสมบุกสมบัน แต่เมื่อโดนน้ำแล้วจะมีน้ำหนักเพิ่มทวีคูณ เวลาตากกว่าจะแห้งสนิทก็ใช้เวลานาน ที่สำคัญต้องเลือกชุดให้เหมาะกับสถานที่ท่องเที่ยวที่จะไป   ในส่วนของรองเท้า ควรเลือกรองเท้าที่มีพื้นยางที่ดี สามารถเกาะพื้นราบ พื้นดินหรือหินได้เป็นอย่างดี ไม่บางจนเกินไป ไม่ขาดง่าย เพื่อช่วยลดอุบัติเหตุป้องกันการลื่นไถล และ อย่าลืมพกรองเท้าแตะไปด้วย   5. ตรวจสอบยานพาหนะก่อนออกเดินทาง สำหรับนักท่องเที่ยวที่ขับรถไปเอง การตรวจสอบยานพาหนะเป็นสิ่งที่ต้องทำเป็นลำดับต้น ๆ เพื่อความปลอดภัย สภาพรถต้องอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน เพราะในช่วงหน้าฝนบนท้องถนนค่อนข้างลื่น อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย และที่สำคัญไม่ควรขับรถเร็วขณะฝนตก รวมถึงควรหลีกเลี่ยงการขับรถในตอนกลางคืน สิ่งที่ควรต้องตรวจสภาพ มีดังนี้ - ตรวจยางใบปัดน้ำฝน จะช่วยให้ทัศนวิสัยในการขับรถขณะฝนตกสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น - เติมน้ำล้างกระจกให้เพียงพอ เพราะอาจจะต้องฉีดล้างกระจกบ่อยครั้ง - ตรวจระบบไฟส่องสว่างทั้งไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเบรก ไฟตัดหมอก ไฟฉุกเฉินให้พร้อมใช้งาน - ตรวจอุปกรณ์สำรองในรถยนต์ เช่น ยางสำรอง อะไหล่ต่างๆ 6. เตรียมร่างกายให้พร้อม ตรวจเช็คสภาพร่างกายและเตรียมร่างกายของตัวเองให้พร้อม เพื่อป้องกันตนเองไม่ให้เจ็บป่วยระหว่างการเดินทางไปท่องเที่ยว โดยเฉพาะในการท่องเที่ยวหน้าฝนต้องระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงแอาจมีผลต่อสุขภาพ แล้วยิ่งถ้าเราไม่มีความพร้อมทั้งทางร่างกายและจิตใจจะยิ่งทำให้ทริปนี้ไม่สนุก กลับมาแล้วอาจจะป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุระหว่างเที่ยวได้ 7. พกยาประจำตัวหรือยาสามัญทั่วไป ในบางสถานที่ หรือบางสถานการณ์ ระหว่างเดินทางไปท่องเที่ยว อาจจะหาซื้อยาลำบากโดยเฉพาะกับช่วงเวลาที่เราไม่สามารถออกไปซื้อยาเองได้หรืออากาศไม่เป็นใจ ถ้าเกิดป่วยขึ้นมาระหว่างการเดินทาง หมดสนุกแน่ๆ ควรพกยาและเครื่องปฐมพยาบาลเบื้องต้นไปให้พร้อมสรรพ ยิ่งถ้าใครมีโรคประจำตัวก็ห้ามลืมเด็ดขาด ส่วนยาที่จำเป็นสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวหรือในกรณีการเดินป่า ได้แก่ ยาแก้ปวดลดไข้ ยาแก้แพ้ ยาปฏิชีวนะ (กลุ่มยาฆ่าเชื้อ) ยาคลายกล้ามเนื้อ ยาแก้ปวดท้อง แก้ท้องเสีย ผงเกลือแร่ 8. ระวังสัตว์มีพิษ สัตว์ที่มีพิษหรือสัตว์เลื้อยคลาน มักจะมาพร้อมกับฤดูฝน อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายและระบบอวัยวะภายใน จึงควรระมัดระวังแมลงทุกชนิด อย่าเข้าไปใกล้ อย่าสัมผัส สัตว์ที่แปลกตา และไม่แน่ใจว่ามีพิษหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นแมลง, สัตว์เลื้อยคลาน หากเดินทางไปบริเวณที่มีน้ำ เช่นแม่น้ำ หรือชายหาด ระวังสัตว์ที่อยู่ในน้ำด้วย  หากถูกกัดหรือสัมผัสสัตว์มีพิษ เริ่มมีอาการคัน ผื่นแดง ให้พบแพทย์ทันที ถ้าชื่นชอบการเดินชมธรรมชาติ สิ่งจำเป็น คือ ยากันยุง และยากันทาก อย่าลืมใส่เสื้อผ้าและรองเท้าที่ปองกันไม่ให้สัตว์มีพิษสัมผัสกับผิวหนังและป้องกันการกัด  เดินป่าหน้าฝนอาจต้องเตรียมถุงเท้ากันทากเพิ่มไปด้วย 9. คอยฟังเสียงจากธรรมชาติ ในกรณีที่เดินป่าอยู่แล้วเกิดฝนตกหนักมากๆ  คอยฟังเสียงน้ำ ถ้าได้ยินสายน้ำไหลแรงกว่าปกติอาจหมายถึงเกิดน้ำป่าไหลหลาก ให้รีบขึ้นที่สูง กรณีไปเล่นน้ำตกให้สังเกตสีของน้ำ ถ้าน้ำในลำธารเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้น ขุ่น และไหลแรง ต้องรีบขึ้นจากน้ำ ขึ้นที่สูง และติดต่อเจ้าหน้าที่ทันที เพราะสีน้ำที่ขุ่นเป็นสัญญาณของน้ำป่าไหลหลาก น้ำจะไหลมาอย่างเชี่ยวกราด จนอาจไม่สามารถว่ายน้ำเอาตัวรอดได้ หากไปเที่ยวในพื้นที่ที่มีพายุลมฝนกระโชกแรง ให้เลี่ยงการยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ หรือยืนในที่โล่งแจ้ง ควรหลบอยู่ในตัวอาคารที่มีความปลอดภัย เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายที่มากับลมฝน 10. พกอุปกรณ์กันฝน เที่ยวช่วงหน้าฝนอย่าลืมเตรียมอุปกรณ์กันฝน เช่น เสื้อกันฝน รองเท้าสำหรับลุยน้ำ ถุงกันน้ำ (เอาไว้ใส่อุปกรณ์อีเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ทั้งกล้อง มือถือ) ส่วนกระเป๋าเลือกใช้กระเป๋าแบบกันน้ำ กันฝนได้ เพราะเสื้อผ้าที่เปียกแล้วเกิดการอับชื้น หากสวมใส่แล้วอาจจะทำให้เกิดเชื้อรา หรือผดผื่นคันในร่มผ้า สิ่งสำคัญคือต้องมีแผนสำรองไว้ทุกครั้งที่ ไม่ว่าไปเที่ยวไหน ฤดูไหน ลองต้องคิดแผน B C หรือ D เผื่อไว้ ให้ทริปนั้นของเราจะได้ไม่กร่อย หากเกิดเหตุธรรมชาติใดๆขึ้น สำหรับกระเป๋าเดินทาง กระเป๋าเป้หลังกันน้ำ พร้อมลุยหน้าฝนไปกับทุกคน www.bbag.co.th  มีแนะนำหลายรุ่น หลายสไตล์ ขอให้ทุกคนเดินทางเที่ยวหน้าฝนอย่างมีความสุขและปลอดภัย

bottom of page